วันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2555

School daze เมื่อลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล

บทความแปลจากนิตยสารแบมบี้ โดยแชลลี่ ฮอลโลเวย์ คุณครูใหญ่ โรงเรียนนานาชาติเกศินี

ในวันแรกของการพาลูกเข้าโรงเรียนอนุบาล ดูเหมือนจะมีเหตุการณ์จลาจลย่อยๆ เกิดขึ้นเหมือนกันทั่วโลกเพราะเป็นวันที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในชีวิตของคุณหนูๆ ตัวน้อยๆ

คุณพ่อคุณแม่และลูกจะมีอาการในด้านอารมณ์ที่แตกต่างกันไปในวันแรกที่ลูกจะต้องไปโรงเรียน เพราะนั่นเป็นจุดเปลี่ยนแปลงในชีวิตของคุณหนูที่จะต้องห่างอกคุณพ่อคุณแม่เป็นเวลาหลายชั่วโมง คุณแม่อาจจะเป็นกังวลในการที่จะต้องทิ้งลูกไว้ตามลำพังเป็นครั้งแรกโดยที่ไม่มีพี่เลี้ยงคอยดูและ และลูกอาจจะรู้สึกสับสนและงงๆ ว่าคุณแม่พามาอยู่กับใคร ที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนในชีวิต

สำหรับเด็กๆ อายุ 2 - 3 ขวบ อาจจะพบว่าการที่จะต้องอยู่รวมกลุ่มกับเด็กคนอื่นๆ เป็นภาระที่หนักมากเพราะเนื่องจากว่าเราเคยเป็นจุดสนใจคนเดียวและสามารถเล่นในสิ่งที่ตัวเองต้องการจะเล่นมาตลอด 2 - 3 ปีที่ผ่านมา และความกังวลที่จะต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่หรือพี่เลี้ยงจะเป็นตัวที่ทำให้เด็กรู้สึกเป็นทุกข์และเขาจะรู้สึกแย่ไปมากกว่านั้น ถ้าคุณพ่อคุณแม่แสดงความเป็นทุกข์ให้เขาเห็น ในการที่เขาจะต้องอยู่รวมกับเด็กอื่นๆ ในสถานที่ใหม่ซึ่งเป็นที่เขาไม่คุ้นเคยแห่งนี้เขาจะต้องเรียนรู้ในการที่จะให้ความร่วมมือ แบ่งปัน รู้จักการรอคอยที่จะเล่นของเล่นที่มีเพียงชิ้นเดียวและปรับตัวให้เข้ากับตารางกิจกรรมในห้องเรียน และในขณะเดียวกันเขาจะพบว่าผู้ใหญ่หน้าตาแปลกๆ ที่อยู่ที่โรงเรียนไม่ตามใจให้เขาทำอะไรๆ ที่เขาเคยได้ทำเมื่อเวลาอยู่ที่บ้านเลย เพราะนั่นเป็นบทเรียนแรกที่เขาจะได้เรียนรู้ว่าที่โรงเรียนจะเป็นสถานที่ที่เขาจะต้องได้รับการพัฒนาในด้านอารมณ์และสังคมตามวัย คุณครูที่จบการศึกษาและมีประสบการณ์การสอนในระดับปฐมวัยจะตระหนักดีถึงพัฒนาการของเด็กวัย 2 ขวบว่า เด็กๆ ในวัยนี้ค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่สุดซึ่งในห้องเรียนเขาไม่สามารถจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการเสมอไป

เมื่อเวลาผ่านพ้นไปในโรงเรียนในระยะหนึ่ง เด็กๆ จะเริ่มกล้าลงมือทำกิจกรรมใหม่ๆ และกล้าแสดงออกมากขึ้นและจะเรียนรู้ว่าการทำอะไรผิดบ้างนั้นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมและพัฒนาให้เขาเป็นคนมีความมั่นใจในตัวเอง คุณครูอนุบาลที่ดีจะสามารถช่วยในการปรับตัวของเด็กและผู้ปกครองให้เข้ากับโปรแกรมการเรียนการสอนซึ่งเหมาะสมกับวัยและส่งเสริมพัฒนาการให้เด็กๆ ได้มีทักษะต่างๆ ให้ดีที่สุดสำหรับวัยอนุบาล ด้านคุณพ่อคุณแม่ก็สามารถลดความกังวลของตนเองได้โดยหาข้อมูลที่เกี่ยวกับโปรแกรมการเรียนการสอน จุดมุ่งหมายปรัชญาของโรงเรียนที่ต้องการพัฒนาให้นักเรียนไปในแนวทางใดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งในโปรแกรมของการเรียนการสอนควรจะส่งเสริมพัฒนาการด้านต่างๆ รวมถึงการมีโภชนาการทีดีและมีสภาพแวดล้อมดีและพรอ้มด้วยข้อแนะนำที่เกี่ยวกับตารางกิจกรรมประจำวันที่ดีด้วยเช่นกัน

การพิจารณาโรงเรียนดีๆ ซักโรงนั้น ควรดูว่าเป็นโรงเรียนที่มีนโยบายในการบริหารแบบเปิดกว้างให้ผู้ปกครองได้มีโอกาสซักถามหรือปรึกษาปัญหาเกี่ยวกับนักเรียนในเรื่องต่างๆ กับครูประจำชั้นหรือครูใหญ่ ซึ่งการเข้ามาปรึกษากับคุณครูควรจะอยู่ในช่วงก่อนหรือหลังเลิกเรียน เพื่อที่จะได้ไม่รบกวนเวลาสอนของครูและการเรียนของเด็กๆ หรือผู้ปกครองสามารถแสดงความคิดเห็นหรือมีข้อซักถามในเวลาที่มีการประชุมผู้ปกครองในแต่ละภาคการศึกษา ในทางกลับกันครูควรจะให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับผู้ปกครองเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงของนักเรียน เช่น หลังจากที่คุณพ่อคุณแม่กลับไปแล้ว นักเรียนจะร้องไห้อีกเพียงนิดหน่อย แต่หลังจากนั้นก็สามารถอยู่กับคุณครูและเพื่อนๆ ได้โดยไม่ร้องไห้เลยตลอดวัน หรือ นักเรียนยังร้องไห้อยู่อีกนาน โดยไม่ยอมทำกิจกรรมใดๆ เลย

คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้สถานการณ์ก่อนการพาลูกเข้าโรงเรียนให้ดีขึ้นได้อีกทางหนึ่ง คือ คุยกับลูกเกี่ยวกับโรงเรียน เช่น ลูกจะได้เจอเพื่อนและได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ และครูโดยที่จะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ลูกได้ทำ เป็นต้น และควรจะบอกความจริงให้ลูกได้รับทราบว่า เมื่อคุณพ่อและคุณแม่ไปส่งที่โรงเรียนแล้ว จะไม่ได้อยู่กับลูกที่โรงเรียน แต่จะมารับลูกในช่วงหลังเลิกเรียน

ในการไปส่งลูกที่โรงเรียนคุณพ่อคุณแม่ควรจะบอกลาลูกเมื่อเวลากลับและควรจะไปโดยทันที ไม่ควรถ่วงเวลาหรือหลบออกไปโดยไม่ได้บอกลาลูกเพราะยิ่งจะทำให้เด็กเกิดความกระวนกระวายใจมากขึ้นกว่าเดิม คุณครูผู้มีประสบการณ์จะทราบดีว่าการปลอบประโลมด้วยคำพูดและท่าทางอันอ่อนโยนจะทำให้เด็กรู้สึกปลอดภัยในสภาวะแวดล้อมเช่นนั้น เด็กๆ บางคนจะปรับตัวได้ช้ากว่าเด็กคนอื่น ซึ่งคุณครูรวมทั้งคุณพ่อและคุณแม่ควรจะร่วมมือในการช่วยยืดหยุ่นเวลาให้เด็กในการปรับตัวครั้งนี้ คือ อาจจะให้ลูกมาโรงเรียนในตอนเช้าในเวลาปกติ แต่อาจจะกลับก่อนในตอนเที่ยงหรือเร็วกว่านั้น และเมื่อใดที่ลูกเริ่มปรับตัวได้ดีขึ้นก็ค่อยๆ เพิ่มเวลาที่อยู่ที่โรงเรียนให้มากขึ้น และจนกระทั่งลูกสามารถอยู่ได้ตลอดวันโดยไม่ร้องไห้เลย

คุณพ่อคุณแม่ควรจะส่งลูกที่โรงเรียนให้ตรงเวลาเนื่องจากลูกจะได้เริ่มวันของเขาอย่างมีความสุขพร้อมเพื่อนๆ เพื่อการพัฒนาที่ดีของเขาในด้านสังคมและการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ในการมาโรงเรียนของลูกอาจจะให้ลูกนำของรักซึ่งเขาติดเวลานอนมาโรงเรียนด้วย เมื่อเวลานอนกลางวัน เช่น ผ้าห่อม หรือ หมีตัวโปรด คุณพ่อคุณแม่ควรจะมารับลูกให้ตรงเวลาด้วยเช่นกัน เช่น ในกรณีที่สัญญากับลูกไว้ว่าจะมารับลูกตอนหลังอาหารเที่ยง ก็ควรจะมารับให้ทันหลังอาหารเที่ยง อย่าปล่อยให้ลูกรอเพราะแค่คุณพ่อคุณแม่มาช้าเพียงแค่ 5 นาที เด็กๆ จะรู้สึกทรมานในการเฝ้าคอยและเช่นเดียวกัน ในการมารับลูกช่วงเวลาหลังเลิกเรียน คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรมารับลูกสาย เพราะเด็กทุกคนย่อมไม่อยากจะเป็นคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในโรงเรียน ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสุขในการมาโรงเรียนเท่าไหร่ก็ตาม

ถ้าคุณพ่อคุณแม่สามารถปฏิบัติตามข้อแนะนำข้างต้นนี้ได้เป็นอย่างดี รับรองว่าลูกๆ ของคุณจะรักและมีความสุขในการไปโรงเรียน และความรู้สึกทรมานหรือความยากลำบากของการแยกจากลูกในวันแรกเข้าเรียนจะเลือนหายไปจากความทรงจำของคุณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น