วัฒนธรรมการใช้สอย - ขี้เถ้า
1. ใช้ไนการขัดถู
ซึ่งชาวภาคใต้นิยมเรียกกันว่า "ขัดขี้เถ้า" หรือ "ถูขี้เถ้า" หมายถึงการใช้ขี้เถ้าล้วนๆ หรือขี้เถ้าผสมสิ่งอื่นขัดถูสิ่งต่างๆ พอจะแบ่งออกตามสิ่งที่นิยมขัดถูได้ดังนี้
.......... (ก) ใช้ขัดถูสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ นิยมกันมากในการใช้ขัดถูเครื่องใช้ในครัวเรือนที่ทำด้วยโลหะ กระเบื้องและแก้ว เช่น หม้อ กระทะ ถ้วยชาม แก้วน้ำ เป็นต้น
.......... ชาวภาคใต้นิยมใช้ขี้เถ้าขัดถูสิ่งของเครื่องใช้ต่าง ๆ มาช้านานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมสมัยก่อนซึ่งยังไม่ค่อยมีเครื่องมือหรือวัสดุสำหรับขัดถูเหมือนในสมัยนี้ ประกอบกับครัวเรือนชาวใต้สมัยก่อนนิยมใช้ฟืนหรือถ่านในการหุงต้มดังกล่าวแล้ว จึงทำให้ข้างหม้อ กะทะ หรือภาชนะหุงต้มอื่นๆ มีเขม่าควันไฟจับเป็นคราบดำเร็ว แม้จะมีที่รองสำหรับกันควันไฟแล้วก็ตาม (ดู ก้นหม้อ) จึงจำเป็นต้องขัดถูบ่อยๆ สิ่งที่ชาวบ้านสมัยก่อน นิยมนำมาใช้เป็นเครื่องขัดถูมากอย่างหนึ่งคือ ขี้เถ้า เพราะหาได้ง่ายและมีคุณภาพในการขัดถูดีด้วย นอกจากนั้นแล้วยังใช้ ขี้เถ้าขัดถูเพื่อกำจัดคราบมันหรือความสกปรกของถ้วยชาม ช้อน กระทะ หม้อ แก้วน้ำ ฯลฯ
.......... วิธีขัดถูด้วยขี้เถ้าคือ เอาภาชนะหรือสิ่งของที่จะขัดถูชุบนํ้าให้เปียกจนทั่วหรือจะแช่นํ้าไว้ก่อนสักระยะหนึ่งก็ยิ่งดี เอาขี้เถ้าจำนวนหนึ่งใส่ถ้วยหรือกะลา (ชาวใต้เรียก "พรก") โดยอาจใช้เป็นขี้เถ้าแห้งหรือใส่น้ำพอขี้เถ้าแฉะๆ ก็ได้ แล้วเอาเศษผ้าหรือเปลือกมะพร้าว (ชาวใต้เรียก "พดพร้าว") จุ่มลงในขี้เถ้าและหยิบให้ติดขี้เถ้าขึ้นมาจำนวนหนึ่ง แล้วนำมาขัดถูภาชนะหรือสิ่งของนั้น ขัดซ้ำไปมาหลายๆ ครั้งจนสะอาดเป็นที่พอใจแล้ว จึงล้างด้วยน้ำสะอาดภายหลัง ถ้าภาชนะหุงต้มติดคราบดำของควันไฟหนาไป หรือติดคราบมันมาก หรือสกปรกเกินไปก็มักจะเอาขี้เถ้าผสมกับทรายละเอียดแล้วใช้ขัด
.......... (ข) ใช้ขัดถูฟัน ในสมัยก่อนที่จะมียาสีฟันหรือยาสีฟันจะแพร่หลาย ชาวบ้านใช้สิ่งต่างๆ ขัดฟัน เช่น เปลือกหมาก ผงถ่านไฟ ขี้เถ้า ฯลฯ ขี้เถ้าที่ใช้ในการขัดถูฟันจะต่างกับขี้เถ้าที่ใช้ในการขัดถูสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ อยู่บ้าง กล่าวคือในการขัดถูสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ใช้ขี้เถ้าของไม้ทั่วไป แต่ในการขัดถูฟัน ผู้ใช้จะเลือกขี้เถ้าของไม้บางชนิดที่เห็นว่าไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อร่างกายเท่านั้น เช่น ไม่ใช้ขี้เถ้าของไม้ที่มียางเป็นพิษหรือไม้ที่ทำให้เกิดอาการคัน เป็นต้น เวลาใช้ใช้เฉพาะขี้เถ้าหรือบางคนอาจใช้ขี้เถ้าผสมเกลือผง (ถ้าเป็นเกลือเม็ดก็ตำให้เป็นผงคลุกเข้ากับขึ้เถ้า) แล้วใช้นิ้วมือ หรือเปลือกหมากอ่อน หรือเศษผ้าที่สะอาด จุ่มขื้เถ้านั้นขัดถูฟัน แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้นิ้วชี้ของมือที่ถนัดจุ่มขี้เถ้าขัดถูฟัน จะทำให้ฟันขาวสะอาดและช่วยดับกลิ่นได้ด้วย
.......... (ค) ใช้ขัดถูเพื่อชักเงาเขาสัตว์ เขาสัตว์ต่างๆ เช่น เขาวัว เขาควาย เขากวาง ฯลฯ ชาวบ้านนิยมนำมาใช้ประโยชน์ต่างๆ เช่น ทำตูด (ดู ตูด) ด้ามมีด ที่แขวนเสื้อผ้า หรือนำมาประกอบ เป็นเครื่องประดับบ้าน เขาสัตว์ต่างๆ เหล่านี้นอกจากมีความเป็นมันเงาในตัวมันเองแล้ว ชาวบ้านสมัยก่อนยังรู้จักเสริมให้เป็นเงาแวววาวขึ้นอีก โดยการเอาขี้เถ้าของไม้ผสมกับน้ำมันก๊าด แล้วนำไปขัดถูเขาสัตว์เหล่านั้น ทั้งนี้มักจะขัดถูหลังจากที่ได้ใช้เศษแถ้วที่คมๆ ขูดเขาสัตว์นั้นแล้ว เป็นการใช้ขี้เถ้าขัดถูเพื่อให้เกิดเงาแวววาวเท่านั้น มิได้หวังผลในด้านขูดผิวหรือตกแต่งรูปเขาสัตว์
.......... เนื่องจากขี้เถ้ามีประโยชน์ในการขัดถูหลายลักษณะดังกล่าวแล้ว และเป็นที่นิยมใช้กันมากมาช้านานแล้วนี่เอง จึงเกิดเป็นสำนวนที่ใช้พูดกันในกลุ่มชาวภาคใต้อย่างหนึ่งว่า "เอาไปขัดขี้เถ้า" หรือ "ขัดขี้เถ้า" ซึ่งหมายถึงเอาสิ่งนั้น ไปทำให้สะอาด หรือทำให้ดีเสียก่อนนั่นเอง
2. ใช้เป็นนํ้ากระสายยาหรือน้ำยา
ชาวใต้ทั้งที่เป็นไทยพุทธ และไทยมุสลิมรู้จักนำเอาขี้เถ้ามาใช้ประโยชน์ด้านนี้มานานแล้วเช่นกัน ซึ่งใช้เป็นกระสายยาหลายขนานเพื่อรักษาโรคต่างๆ เช่น แก้นิ่ว กัดเถาดานในท้อง ดับพิษไข้พิษสัตว์ เป็นต้น ขี้เถ้าจากกระดูกสัตว์นำมาเป็นกระสายยาดับพิษร้อนถอนพิษไข้โดยตรง ชาวไทยมุสลิมใช้ขี้เถ้าในการทำน้ำยา "อาเฮปะนาวา ฮาตีฮาบู" เพื่อรักษาผู้ที่เป็นไข้ต่างๆ เช่น ไข้จับสั่น ไข้ทรพิษ ไข้ทับระดู ไข้อีสุกอีใส ฯลฯ โดยการเอาขี้เถ้าตรงใจกลางเตาไฟ (ฮาตี - ใจ, ฮาบู - ขี้เถ้า, ฮาตีฮาบู - ขี้เถ้าที่อยู่ใจกลางเตาไฟ) กับข้าวสาร อย่างละขยุ้มใส่ลงในภาชนะซึ่งมีน้ำใส่อยู่แล้ว กวนให้เข้าก้น แล้วปล่อยให้ตกตะกอน จะได้นํ้าส่วนที่ใสซึ่งเป็นน้ำยาชนิดนี้ นำไปดื่มแก้ไข้ต่างๆ ดังกล่าวแล้ว การทำน้ำยานี้แม้จะมีวิธีการอย่างง่ายๆ ใครๆ ทำได้ก็จริง แต่ผู้ป่วยมักจะนิยมให้หมอทำให้ เพราะเชื่อว่ามีความขลังกว่าทำเอง น้ำยาชนิดนี้เชื่อกันว่าเป็นเสมือนแม่ยาทีเดียว การรักษาไข้ดังกล่าวตามแบบพื้นบ้านมักจะให้ ผู้ป่วยดื่มน้ำยานี้ก่อน นอกจากจะไม่หายจริงๆ จึงใช้ยาอื่นต่อไป (ดู น้ำยา น้ำมนต์ หมากเสก - การรักษาโรคของไทยมุสลิม) นอกจากนั้นแล้วชาวภาคใต้ยังรู้จักใช้เฉพาะน้ำขี้เถ้าช่วยในการบำบัดบางอย่างด้วย เช่น เมื่อผู้หนึ่งผู้ใดถูกปลิงเข้าทวารหน้ก วิธีบำบัดอย่างหนึ่งที่คนสมัยก่อนใช้คือ เอาขี้เถ้าละลายน้ำ แล้วกรองหรือตั้งไว้ให้ตกตะกอน เอาน้ำส่วนที่ใสให้ผู้นั้นดื่มก็จะทำให้ปลิงตายและช่วยขับปลิงออกมาได้ เหล่านี้เป็นต้น
.......... การนำเอาขี้เถ้ามาใช้ประโยชน์ในการบำบัดรักษานี้ แม้ในวงการแพทย์แผนโบราณก็ยังคงใช้อยู่ไม่น้อย
3. ใช้ทำนํ้าด่างซักเสื้อผ้าหรือเพื่อประโยชน์อย่างอื่น
ชาวบ้านสมัยก่อนใช้ขี้เถ้าทั่วไปทำน้ำด่างซักผ้าแทนการใช้สบู่หรือผงซักฟอก โดยการเอาขี้เถ้ามาละลายน้ำแล้ววางไว้ให้ตกตะกอน บางคนอาจแช่ไว้ข้ามคืนก็มีเพื่อให้เป็นนํ้าด่างเข้มข้นขึ้น แล้วเอานํ้าส่วนที่ใสมาใช้แช่ผ้าและซักผ้า บางคนก็ทำน้ำด่างขี้เถ้า โดยเอาขี้เถ้าห่อผ้าแล้วต้ม แล้วจึงเอาน้ำนั้นมาใช้ซักเสื้อผ้า และบางคนเอาขี้เถ้าห่อผ้าแล้วต้มปนกับเสื้อผ้าที่จะซักเลยก็มี หลังจากซักเสื้อผ้าด้วยนํ้าด่างขี้เถ้าแล้วก็ซักด้วยนํ้าธรรมดาอีกสักครั้งสองครั้งจนสะอาด
.......... บางคนใช้ประโยชน์จากน้ำด่างขี้เถ้าด้านอื่นๆ ด้วย เช่น ใช้ในการต้มขนมซั้ง (ขนมจ้าง - ทำด้วยข้าวเหนียวห่อด้วยใบไผ่) ขี้เถ้าที่ใช้ในการนี้มักจะนิยมใช้ขี้เถ้าจากทางมะพร้าว กะลามะพร้าว และเปลือกผลทุเรียน โดยเอามาแช่น้ำปล่อยให้ตกตะกอน แล้วเอานํ้าส่วนที่ใสซึ่งชาวบ้านเรียกว่า "น้ำดัง" (คือ "น้ำด่าง" นั่นเอง) ใส่ภาชนะต้มขนมซั้ง เป็นต้น
4. ใช้ผสมดินเหนียวเพื่อนำดินไปใช้ประโยชน์ต่างๆ
ขี้เถ้า ที่ชาวบ้านนำมาใช้ประโยชน์ด้านนี้ใช้ได้กับขี้เถ้าทั่วไป แต่ที่นิยมกันมากมักเป็นขี้เถ้าจากแกลบ โดยการเอาขี้เถ้ามาผสมและคลุกเคล้าให้เข้ากันดีกับดินเหนียวจนดูเป็นเนื้อเดียวก้น ขี้เถ้าจะทำให้ดินเหนียวมีความเหนียวตัวมากยิ่งขี้น สามารถเกาะยึดตัวกันได้ดี แม้ถูกความร้อนก็ไม่แตกร้าวได้ง่าย จึงเหมาะที่จะนำดินนั้นไปปั้นเป็นภาชนะต่างๆ หรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น ในปัจจุบันนี้การใช้ประโยชน์จากขี้เถ้าในลักษณะนี้ก็ยังปรากฎให้เห็นอยู่มาก
5.ใช้กำจัดศัฅรูบางชนิดของพืชและสัฅว์เลี้ยง
ขี้เถ้าที่ใช้ประโยชน์ด้านนี้เป็นขี้เถ้าจากเชื้อเพลิงทั่วไป ที่ชาวบ้านภาคใต้ นิยมปฏิบัติกันคือ
.......... (ก) ใช้กำจัดเพลี้ยบางชนิดที่กัดกินใบ ผล หรือยอดอ่อนของพืชที่ปลูก เช่น แตงกวา แตงโม ถั่วฝักยาว ข้าวโพด มะเขือยาว ฯลฯ ทำให้พืชนั้นไม่เจริญเติบโตเต็มที่ หรืออาจถึงตายได้ ซึ่งชาวบ้านเรียกว่าพืชนั้น "ถูกยาธิ" (ยาธิ หมายถึง พยาธิ) หรือ "ถูกคร็อม" (ดู ถูกคร็อม) ทางแก้ของชาวบ้านที่นิยมกันวิธีหนึ่งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันนี้คือ ใช้ผงขี้เถ้าโรยลงบนพืชนั้นให้ทั่วบริเวณที่ถูกคร็อม เชื่อว่าจะทำให้คร็อมหายไปได้ภายใน 2 - 3 วัน
.......... (ข) ใช้กำจัดสัดว์จำพวกเห็บ หมัด เหา ฯลฯ ที่มีบนตัวสัตว์เลี้ยง ซึ่งส่วนมากจะเป็นกับสัตว์เลี้ยงประเภทที่เลี้ยงไว้ดูเล่น เช่น สุนัข แมว เป็นต้น โดยการใช้ผงขี้เถ้าทาคลุกบนตัวสัตว์นั้นๆ เช่นเดียวกัน เชื่อว่าจะทำให้พวกเห็บ หมัด เหา ฯลฯ เหล่านั้น ตายไปในที่สุด
6. ใช้คลุกตัวสัตว์เพื่อช่วยในการถอนขนสัตว์
มักใช้ในกรณีที่เป็นการถอนขนสัตว์ที่มีขนอ่อนและสั้น เช่น การถอนขน กระรอก กระจง เป็นต้น ขี้เถ้าที่ใช้ประโยชน์ด้านนี้เป็นขี้เถ้าจากเชื้อเพลิงทั่วไป โดยการนำเอาผงขี้เถ้ามาทาคลุกที่ตัวสัตว์ที่ฆ่าแล้ว จะทำให้สามารถถอนขนสัตว์เหล่านั้นได้ง่ายขึ้น หลังจากนั้นก็นำสัตว์นั้นไปล้างและใช้ประกอบอาหารตามต้องการ
7. ใช้รูดไหล
ก่อนที่จะนำปลาไหล ไปประกอบอาหารจะต้องกำจัดเมือกที่ตัวปลาไหลเสียก่อน ซึ่งอาจใช้หลายวิธี วิธีหนึ่งที่ชาวภาคใต้นิยมใช้กันมากคือการใช้สิ่งต่างๆ ที่มีความระคายเคืองมารูดที่ตัวปลาไหล ซึ่งเรียกว่า "รูดไหล" (ดู รูดไหล) สิ่งที่ชาวบ้านใช้ในการรูดไหลมากอย่างหนึ่งคือ ขี้เถ้า โดยการใช้มือกอบขี้เถ้ามาจำนวนหนึ่ง แล้วรูดที่ตัวปลาไหล (ซึ่งแขวนห้อยไว้) ตั้งแต่ส่วนหัวลงมาตลอดหาง ทำเช่นนี้หลายครั้งจะทำให้น้ำเมือกที่ตัวปลาไหลหมดไปได้ บางครั้งมีการนำขี้เถ้าไปใช้รูดนํ้าเมือกที่ผิวสัดว์อื่นๆ บ้างเหมือนกัน เช่น ใช้รูดเมือกที่ผิวของปลากด ปลาดุก เป็นต้น แต่ไม่เป็นที่นิยมกันมากนัก เพราะสัดว์เหล่านี้ มีนํ้าเมือกที่ผิวไม่มากเหมือนปลาไหล การใช้ประโยชน์จากขี้เถ้าด้านนี้จึงใช้รูดปลาไหลกันเป็นพื้น
.......... นอกจากนั้นแล้วชาวภาคใต้ยังมีการนำขี้เถ้าไปใช้ประโยชน์อื่นๆ อีกหลายลักษณะ แต่ไม่ค่อยจะเป็นที่นิยมกันทั่วไปเหมือนลักษณะต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว เช่น การใช้ขี้เถ้าไล่มดแดง โดยเอาผงขี้เถ้าโรยที่บริเวณที่มีมดแดงมาก จะทำให้มดแดงตายหรือหนีไป บางครั้งขี้เถ้าก็เข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องความเชื่อของชาวบ้านด้วย เช่น เชื่อว่าถ้าผู้ใดจะเดินทางในวันพฤหัสบดี ก่อนลงจากเรือน ให้เอาขี้เถ้าจากกลางเตาไฟเจิมหน้าผากผู้นั้น โดยกระทำพอเป็นเคล็ด เชื่อว่าจะทำให้การเดินทางในครั้งนั้นประสบแต่โชคดี เหล่านี้เป็นต้น
อยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับ ขี้เถ้าค่ะ เพราะศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการศึกษาที่สามารถนำขี้เถ้ามาทำให้เกิดประโยชน์
ตอบลบให้ scope กว้างมากเลย เป้าหมายของคุณดวงแก้ว มุ่งไปในทางใดครับ เช่น งานด้านวิทยาศาสตร์ หรือด้านวัฒนธรรมตามข้างต้นครับ
ลบซึ่งงานด้านวิทยาศาสตร์ ก็อาจจำแนกออกไปอีกเป็น เพื่อเจาะผลด้านเคมี หรือ ด้านอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบ
ส่วนงานด้านวัฒนธรรมนั้น เข้าใจว่า ตามที่รวบรวมไว้นี้ น่าจะมากพอ เพราะหากแตกประเด็นเป็นภาคต่างๆ เห็นว่า ใกล้เคียงกันเป็นส่วนมาก
ขี้เถ้าเกิดจากการเผาวัสดุหลากหลายเราจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นขี้เถ้าจากวัสดุอะไรและขี้เถ้าจากวัสดุทุกอย่างมีประโยชน์เหมือนกันไหมคะ
ลบขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ กำลังหาประโยชน์จากขี้เถ้า :)
ตอบลบกำลังหาชนิดของขี้เถ้าที่เหมาะสมกับการนำไปทำสบู่ น้ำยาล้างจาน จากธรรมชาติจริงๆ ควรเลือกไม้ชนิดใดทำขี้เถ้าเพื่อจะได้ปลอดภัยต่อผิว ไม่เป็นพิษต่อร่างกายคะ ไม้ไผ่ ต้นมะพร้าว น่าจะปลอดภัยใช่มั๊ยคะ
ตอบลบอยากได้สูตรทำน้ำยาซักผัาจากน้ำขี้เถ้าผสมมะกรูดมีลูกมะกรูดเยอะเสียดายครับ
ตอบลบ