วันพุธที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2554

คลินิกหมอสูติ-กลัวผลข้างเคียงยาคุมกำเนิด

คลินิกหมอสูติ-กลัวผลข้างเคียงยาคุมกำเนิด
ดิฉันมีปัญหาจะถามคุณหมอดังนี้ ดิฉันอายุ 35 ปี ตั้งครรภ์บุตรคนที่สองได้ 7 เดือน หลังคลอดต้องการคุมกำเนิดแต่ไม่อยากผ่าตัดทำหมัน เนื่องจากคิดว่าประมาณ 10 ปี (อายุ 45 ปี) อาจจะหมดประจำเดือนแล้ว และสามีไม่ได้ทำงานอยู่ที่เดียวกัน จะมาก็ช่วงเสาร์-อาทิตย์ทุกสัปดาห์ อยากคุมกำเนิดมาก เพราะเห็นว่าสามารถอยู่ได้นานถึง 5 ปี แต่กลัวเรื่องประจำเดือนจะมากะปริบกะปรอยหรือมาไม่สม่ำเสมอ กลัวอ้วนและกลัวเป็นฝ้า หรือมะเร็งเนื่องจากยาเม็ดอายุนานมาก
ตอบคำถาม
หลังจากคลอดบุตรคนที่สองเรียบร้อยแล้ว คุณคงไม่อยากจะมีบุตรเพิ่มอีกแน่ เพราะอายุก็เริ่มมากขึ้นแล้ว ความจริงการทำหมันหลังคลอดในกรณีของคุณน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด จะได้ไม่ต้องมาลำบากในการคุมกำเนิดชั่วคราวด้วยวิธีต่างๆ ต่อไป แต่ในเมื่อคุณยืนยันที่จะไม่ทำหมัน ก็คงต้องเลือกวิธีใดวิธีหนึ่งระหว่างการกินยาเม็ดคุมกำเนิด การฉีดยาคุมกำเนิด หรือการฝังยาคุมกำเนิด ทั้ง 3 วิธี เป็นวิธีคุมกำเนิดชนิดใช้ฮอร์โมนที่เป็นที่นิยมใช้ในบ้านเรา
ยาเม็ดคุมกำเนิดแต่ละเม็ดจะประกอบด้วยฮอร์โมน 2 ชนิด คือ เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ผสมกันอยู่ในสัดส่วนแตกต่างกันในแต่ละยี่ห้อ แต่ละแผงจะมีฮอร์โมน 21 เม็ด และจะมีช่วงเว้นหรือเป็นเม็ดวิตามินผสมน้ำตาลแทรกมา 7 เม็ด คุณจะต้องกินยาคุมที่เป็นฮอร์โมนวันละเม็ดทุกวันจนครบ 21 เม็ด จากนั้นจึงค่อยกินวิตามินอีก 7 เม็ดที่เหลือ หรือจะเว้นช่วงไว้ 1 สัปดาห์ก็ได้ จากนั้นก็เริ่มแผงใหม่ตามวิธีเดิมไปเรื่อยๆ ข้อสำคัญก็คือจะต้องกินยาเม็ดคุมกำเนิดอย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าในรอบเดือนนั้น จะมีเพศสัมพันธ์มากน้อยเท่าไรก็ตาม เพราะถ้าลืมแม้แต่เม็ดเดียวก็อาจเกิดการตั้งครรภ์ หรือทำให้มีเลือดออกกะปริบกะปรอยได้ ข้อดีของยาเม็ดคุมกำเนิดก็คือมีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดสูง และจะช่วยคุมให้ประจำเดือนมาสม่ำเสมอและมีปริมาณน้อย แต่ก็อาจจะทำให้มีอาการคลื่นไส้ ปวดศีรษะ และน้ำหนักตัวเพิ่มในบางรายได้
ส่วนยาฉีดคุมกำเนิด จะประกอบด้วยฮอร์โมนชนิดโปรเจสเตอโรนเพียงอย่างเดียว เหมาะสำหรับคุณแม่ที่ขี้ลืมไม่ชอบกินยาทุกวัน ก็สามารถเปลี่ยนมาเป็นฉีดยาเข็มละ 3 เดือน ประสิทธิภาพก็ใกล้เคียงกับยาเม็ดคุมกำเนิด แต่จะไม่มีอาการคลื่นไส้อาเจียน ยาฉีดคุมกำเนิดจะช่วยทำให้เยื่อประจำเดือนแห้งและฝ่อไป ดังนั้น ในขณะฉีดยาคุมจึงจะไม่มีประจำเดือนให้เห็น แต่อาจจะมีเลือดออกกะปริบกะปรอยบ้างในเข็มแรกๆ
สำหรับยาฝังคุมกำเนิดก็เป็นฮอร์โมนชนิดเดียวกับยาฉีดคุมกำเนิด แต่ทำเป็นแท่งๆ ฝังไว้ที่บริเวณท้องแขนแล้วค่อยๆ ปล่อยฮอร์โมนออกมา ยาฝังรุ่นแรกๆ จะทำเป็นแท่งๆ ฝังคราวละ 6 แท่ง อยู่ได้นาน 5 ปี ปัจจุบันได้มีวิวัฒนาการลดจำนวนแท่งลงเหลือเพียงแท่งเดียว แต่อยู่ได้นาน 3 ปี ทั้ง 3 วิธีเป็นฮอร์โมนคุมกำเนิด ดังนั้น จึงมีโอกาสที่จะเกิดเลือดออกกะปริบกะปรอย เป็นฝ้า หรือน้ำหนักตัวเพิ่มได้ แต่ไม่ทำให้เป็นมะเร็งหรอกครับ
คุณสนใจวิธีไหนก็เชิญเลือกได้ตามอัธยาศัย แต่ก่อนอื่นควรที่จะได้รับการตรวจร่างกายและตรวจภายในจากแพทย์เสียก่อนนะครับ จะได้แน่ใจว่าไม่มีข้อห้ามในการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด เช่น มีเนื้องอกมดลูก ความดันโลหิตสูง หรือมีความผิดปกติในการทำงานของตับ เป็นต้น
นอกจากทั้ง 3 วิธีข้างต้น ก็ยังมีวิธีคุมกำเนิดที่ไม่ต้องใช้ฮอร์โมนอีกวิธี ก็คือ การใส่ห่วงคุมกำเนิด ใส่ง่ายมากและอายุการใช้งานนาน ใส่ครั้งเดียวก็สบายไปถึง 3 ปี วิธีนี้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องอ้วน เป็นฝ้า หรือมะเร็ง ระหว่างที่ใส่ห่วงจะมีประจำเดือนมาตามปกติ และประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดก็ใกล้เคียงกับการใช้ฮอร์โมนคุมกำเนิด แต่ถ้าคุณไม่อยากวุ่นวายกับวิธีคุมกำเนิดชนิดต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ก็ยกภาระให้สามีใช้ถุงยางอนามัยแทนก็น่าจะสะดวกและปลอดภัยดีครับ
*********************************************
ขอขอบคุณ ข้อมูลดีดีจาก วารสารรักลูก ฉบับที่ 227
*********************************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น