วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2555

กรดไขมันจำเป็นกับการเจริญเติบโตในระยะเริ่มต้น

พัฒนาการของร่างกายที่กำลิบเจริญเติบโตซึ่งมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับกรดไขมันจำเป็นชนิดต่างๆ (Essential Fatty Acids หรือ EFAs) มี 2 ระบบที่สำคัญ คือระบบประสาท (เช่น เซลล์ประสาทในสมอง) แล:ดวงตา โดยกรดไขมันจำเป็นชนิดต่างๆ เป็นส่วนปร:กอบที่สำคัญในผนังเซลล์ของเซลล์ที่เพิ่งเกิดใหม่ (Membrane Cell] มีผลช่วยให้อวัยวะต่างๆ เหล่านั้นทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

กรดไขมันดีเอชเอ (Docosahexa-enoic acid, DHA) มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อโครงสร้างที่ถูกต้องของเซลล์โฟโตรีเซ็พเตอร์ (เซลล์ที่ทำหน้าที่รับแสงสว่างทุกเฉดสีและถ่ายทอดต่อไปยังสมอง) กระบวนการนี้ทำให้เราสามารถมองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม หากร่างกายได้รับกรดไขมันดีเอชเอในปริมาณที่ไม่พอเพียงในระยะสำคัญของการเจริญเติบโต การพัฒนาของเซลล์เมมเบรนและอวัยวะต่างๆ อาจบกพร่องได้ มีงานวิจัยที่เฉพาะเจาะจงกับทารกในวัยกำลังเจริญเติบโต แสดงให้เห็นว่ากรดไขมันดีเอชเอมีความสำคัญเพียงใดต่อการเจริญเติบโตเป็นปกติของร่างกาย

น้ำนมมารดาอุดมไปต้วยกรดไขมันจำเป็นหลากหลายชนิด เด็กทารกที่ได้ดี่มนมมารดาจะได้รับกรดไขมันดีเอชเอ (DHA) และกรดไขมันเอเอ (AA) จากมารดาในปริมาณที่พอเพียง (Arachidonic Acid หรือ AA เป็นกรดไขมันจำเป็นที่สำคัญอย่างยิ่งอีกชนิดหนึ่งต่อการ เจริญเติบโตในระยะเริ่มต้น) แต่มีข้อแนะนำประการหนึ่งในที่นี้คือ ผู้ เป็นมารดาจะต้องได้รับหรือผลิตสารอาหารที่สำคัญเหล่านี้ให้เพียงพอต่อการเจริญเติบโตของลูกน้อยด้วยเช่นกัน ซึ่งแหล่งของกรดไขมัน ดีเอชเอที่หาไต้ง่ายและดีที่สุดก็คือกรดไขมันจากปลานั่นเอง

งานวิจัยที่น่าสนใจชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยบริสทอลในประเทศอังกฤษ ได้ทำการทดลองโดยจัดโภชนาการที่อุดมไปด้วย กรดไขมันจากปลาให้แก่สตรีมีครรภ์ที่เข้าร่วมโครงการ รายงานการวิจัยพบว่าสตรีที่ได้รับประทานกรดไขมันจากปลาในระหว่างการตั้งครรภ์ให้กำเนิดบุตรที่มีพัฒนาการด้านการมองเห็นดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับ ทั้งนี้ จากการตรวจวัดระดับความชัดเจนต้านการมองเห็นเมื่อเด็กมีอายุ 3 ปี โดยมีเด็กเข้าร่วมโครงการวิจัยทั้งหมด 435 คน พบว่าเด็กที่ตอบสนอง ต่อการมองเห็นได้ดีที่สุดคือเด็กที่ผู้เป็นมารดาไต้รับกรดไขมันจากปลาอย่างน้อยเดีอนละสองครั้ง

นักวิจัยยังได้สังเกตพบว่าเด็กที่ได้ดื่มนมมารดานานอย่างน้อย 4 เดือนหลังถือกำเนิดจากครรภ์ เป็นเด็กที่มีพัฒนาการด้านการมองเห็นดีกว่าอีกด้วย นอกจากนี้ยังได้ตั้งข้อสังเกตไว้อีกว่าน่าจะมีความแตกต่างหลายประการระหว่างนํ้านมมารดาและนมผงสำเร็จรูป และพัฒนาการด้านการมองเห็นของเด็กจะมีประสิทธิภาพสูงสุดในกรณีที่มารดาซึ่งให้นมบุตรมีระดับกรดไขมันดีเอชเอในเลือดในปริมาณสูง ตลอดจนบริโภคกรดไขมันจากปลาในปริมาณมากด้วยเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกหลายเรื่องที่ชี้ให้เห็นถึงประโยชน์ของกรดไขมันจำเป็นชนิดต่างๆ ที่มีต่อทักษะการเคลื่อนไหวร่างกาย และกระบวนการรับรู้ของทารกที่ดี่มนมผงสำเร็จรูป โดยให้เด็กทารกได้รับนมผงสำเร็จรูปที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป รวมทั้งนมผงสำเร็จรูปชนิดเพิ่มกรดไขมันดีเอชเอและกรดไขมันเอเอ แต่การทดลองยังให้ผลคละกันไป เนื่องจากบางรายงานระบุว่ากรดไขมันดีเอชเอและเอเอช่วยในการพัฒนากระบวนการรับรู้และทักษะการ เคลื่อนไหวของทารก แต่บางรายงานสรุปว่ากรดไขมันทั้งสองชนิดนี้ไม่มีผลใดๆ ต่อพัฒนาการด้านกระบวนการรับรู้ในเด็กทารกที่ครบกำหนดคลอด แต่จะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับทารกที่คลอดก่อนกำหนด ยกตัวอย่างจากทารกจำนวน 470 คนที่คลอดก่อนกำหนด พบว่านมผงสำเร็จรูปที่เพิ่มกรดไขมันดีเอชเอ 0.16% และ กรดไขมันเอเอ 0.42% ช่วยให้ทารกมีพัฒนาการด้านทักษะการ เคลื่อนไหวและประสิทธิภาพในการมองเห็นที่ดีขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับทารกที่ได้รับนมผงสำเร็จรูปชนิดไม่ผสมกรดไขมัน

ในประเด็นดังกล่าวนี้ งานวิจัยที่โดดเด่นอย่างมากชึ่งถูกตีพิมพ์ ในปี 1998 แสดงให้เห็นว่าทารกที่ได้รับนมผสมสูตรเพิ่มกรดไขมันจำเป็นชนิดต่างๆ (กรดไขมันดีเอชเอ 0.15% ถึง 0.25% + กรดไขมันเอเอ 0.2% ถึง 0.3%) ในทารกอายุ 10 เดือนเมื่อได้รับนมสูตรนี้เป็นระยะเวลา 4 เดือนแรก ทารกมีทักษะในการแก้ปัญหาที่ดีขึ้น

ยังไม่มีงานวิจัยทางคลินิกใดๆ ที่บ่งชี้ถึงปริมาณที่แน่นอนของกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่จำเป็นต่อการพัฒนาที่สมบูรณ์ของทารกในครรภ์มารดา อย่างไรก็ตาม มีข้อสรุปประการหนึ่งที่หลายฝ่ายเห็นตรงกันว่าหากสตรีในระยะตั้งครรภ์และระหว่างให้นมบุตร บริโภคปลาในปริมาณที่เพียงพอ (อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้งหรือ 1 เซิร์ฟวิ่ง) ทารกก็จะได้รับสารอาหารที่สำคัญเหล่านี้จากมารดาในปริมาณที่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น