วันพุธที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2555

เลือด...ของเหลวมหัศจรรย์แห่งชีวิต (12) ดัชนีบ่งชี้การทำงานของตับอ่อน

รองศาสตราจารย์ ดร.ฉัตรเฉลิม อิศรางกูร ณ อยุธยา
คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล

 ในตอนนี้ เราจะมาเรียนรู้กันถึงกลุ่มการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฎิบัติการเทคนิคการแพทย์ ในส่วนที่เป็นการบ่งชี้เกี่ยวกับการทำงานของตับอ่อน ซึ่งเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าอวัยวะอื่นกันเลยทีเดียว

 ตับอ่อน (Pancreas) เป็นอวัยวะภายในช่องท้องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในร่างกายใน 2 ประเด็น คือ

 1) การเป็นต่อมไร้ท่อ (Endocrine gland) ที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนหลายชนิด โดยตัวหนึ่งที่มีความสำคัญมากที่พวกเราเคยได้ยินกันอยู่เสมอ คือ ฮอร์โมนอินซูลิน (Insulin) ที่มีบทบาทในการควบคุม (ลด) ระดับน้ำตาลในกระแสเลือด และ

 2) การช่วยในระบบย่อยอาหาร โดยสร้างนํ้าย่อย (Pancreatic Juice) ซึ่งมีองค์ประกอบเป็นเอนไซม์หลายชนิดที่ช่วยในการย่อยสลายอาหารจำพวกแป้ง โปรตีน และไขมันให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็กที่สามารถดูดซึมจากผนังสำไส้เข้าสู่ร่างกายได้

 เอาล่ะครับ หลังจากที่พวกเราพอรู้จักกันเกี่ยวกับหน้าที่ของตับอ่อนบ้างแล้ว คราวนี้ลองมาดูถึงความผิดปกติ หรือโรคที่พบได้เกี่ยวกับตับอ่อน ซึ่งเท่าที่พบ ได้แก่ ตับอ่อนอักเสบ (ทั้งชนิดเฉียบพลันและเรื้อรัง) ซึ่งมักมีสาเหตุมาจากนิ่วในถุงนํ้าดีและท่อทางเดินน้ำดี หรือพบได้ในคนที่ดี่มเหล้ามาเป็นเวลานาน รวมทั้งในบางกรณีอาจพบเจอได้ในภาวะการติดเชื้อไวรัสหรือการกินยาบางชนิดหรือการมีอาการบาดเจ็บภายในช่องท้องจากการกระแทกก็ได้ ซึ่งหากมีการอักเสบเกิดขึ้น ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดท้องและปวดร้าวกลางหลังอย่างรุนแรง และมักมีอาการคลี่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหารร่วมด้วย นอกเหนือไปจากภาวะตับอ่อนอักเสบแล้ว ยังมีโรคอีกชนิดหนึ่งที่พบได้บ้าง ก็คือ มะเร็งของตับอ่อน ซึ่งสาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด โดยอาจเกิดจากการเกิดเนื้องอกในตับอ่อนและกลายเป็นมะเร็งขึ้น โดยมักมีอาการปวดท้อง ปวดหลัง เบื่ออาหาร ซูบผอมลง และพบภาวะดีซ่าน (ตาเหลือง ตัวเหลือง) ที่เคยกล่าวถึงในตอนที่แล้ว

 สำหรับการตรวจติดตามภาวะความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตับอ่อนทางห้องปฏิบัติการนั้น จะมีการเจาะเลือดเพี่อตรวจวิเคราะห์ปริมาณเอนไซม์ชนิดต่างๆ ซึ่งที่สำคัญคือ เอนไซม์อะไมเลสจากตับอ่อน (Pancreatic amylase) และไลเปส (Lipase) ดังแสดงในใบขอส่งตรวจ โดยค่าปกติของเอนไซม์อะไมเลส อยู่ระหว่าง 28 - 100 ยูนิตต่อเลือดปริมาณหนึ่งลิตร ในใบรายงานผลจะเขียนว่า U/L ในขณะที่ไลเปสจะมีค่า 23 - 300 ยูนิตต่อลิตร (U/L) สำหรับการวินิจฉัยภาวะตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis) ค่าของเอนไซม์อะไมเลสในเลือดจะสูงขึ้นภายใน 2 - 6 ชั่วโมง หลังเริ่มมีอาการ และจะขึ้นสูงสุดภายใน 12 - 24 ชั่วโมง ซึ่งหากไม่มีอาการอักเสบเพิ่มขึ้นอีก ค่านี้จะกลับสู่ระดับปกติภายในไม่กี่วัน สำหรับการตรวจวัดระดับเอนไซม์ไลเปสนั้น จะใช้ในการวินิจฉัยภาวะตับอ่อนอักเสบเช่นกัน เนื่องจากเอนไซม์ชนิดนี้ เกือบทั้งหมดถูกสร้างจากตับอ่อน เพื่อส่งต่อไปยังลำไส้เล็กเพี่อช่วยในการย่อยอาหารประเภทไขมัน ดังนั้น หากเซลล์ตับอ่อนถูกทำลาย จะทำให้ระดับเอนไซม์ไลเปสสูงขึ้นในกระแสเลือด ประมาณ 5 - 10 เท่าของค่าปกติภายใน 24 - 48 ชั่วโมง และยังคงสูงต่อเนื่องเป็นเวลานาน 5 - 7 วัน

 หวังว่าความรู้ ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับผลเลือด และค่าความผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้น จะเป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถรู้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย เพี่อให้สามารถนำกลับมาใช้ใน การดูแลรักษาสุขภาพของตนเองและคนที่เรารักให้ดี ตลอดไปนะครับ ด้วยความปรารถนาดีจาก คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล "สถาบันชั้นนำ มุ่งพัฒนาเพื่อสังคม”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น