วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง

สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลัง
เป็นสัตว์ชั้นต่ำ ที่ไม่มีกระดูกเป็นแกนภายในร่างกาย
บางชนิดอาจมีโครงร่างแข็งที่ไม่ใช่กระดูกอยู่ภายในลำตัวเพื่อช่วยค้ำจุนร่างกาย
และ บางชนิดมีเปลือกแข็งหุ้มอยู่ภายนอก เพื่อป้องกันอันตราย
และใช้ยึดของกล้ามเนื้อ
นักวิทยาศาสตร์พบว่า พวกแมลง เป็นสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังกลุ่มใหญ่ที่สุด
ซึ่งอาศัยอยู่บนบกมากกว่าอาศัยอยู่ในน้ำ
ปัจจุบันมีการรวมกลุ่มสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังที่มีลักษณะคล้ายคลึงกัน
เป็นพวกๆ ดังนี้
พวกฟองน้ำ
พวกลำตัวกลวง
พวกหนอนตัวแบน
พวกหนอนตัวกลม
พวกลำตัวเป็นปล้อง
พวกมีขาเป็นข้อ
พวกหอยและหมึก
พวกมีผิวขรุขระเป็นหนาม

พวกฟองน้ำ

สัตว์พวกนี้ มีลักษณะลำตัวเป็นโพรง มีรูพรุน
ทำให้น้ำและอาหารสามารถไหลผ่านเข้าไปในโพรงลำตัว
เพื่อดูดซึมก๊าซออกซิเจนและอาหาร แล้วปล่อยน้ำและกากอาหารออกทางช่องน้ำออก
ฟองน้ำทุกชนิดอาศัยอยู่ในน้ำส่วนใหญ่จะอยู่ในทะเลมากกว่าน้ำจืด
โดยจะเกาะติดกับหินใต้ท้องทะเล ไม่เคลื่อนที่ ดูมีลักษณะคล้ายพืช
ไม่มีหัว ไม่มีปาก และไม่มีทางเดินอาหาร
ฟองน้ำแต่ละชนิด มีสีและขนาดแตกต่างกัน 
                       
การสืบพันธุ์
โดยใช้วิธีการแตกหน่อ ฟองน้ำบางชนิดนำมาใช้ประโยชน์ในการถูตัวเวลาอาบน้ำ
จึงเรียกว่า ฟองน้ำถูตัว

พวกลำตัวกลวง

สัตว์พวกนี้จะมีช่องกลวงภายในลำตัวโดยมี ลักษณะเป็นช่องเปิดปลายตัน
ช่องนี้จะทำหน้าที่เป็นทั้งปากและทวารหนัก คือให้น้ำและอากาศเข้ามาภายในช่อง
หลังจากแลกเปลี่ยนก๊าซและกินอาหารแล้วจะดันน้ำและของเสียผ่านทางช่องปิดนี้
ออกสู่ภายนอก สัตว์พวกนี้ทุกชนิดอาศัยอยู่ในน้ำ
บางชนิดอาศัยอยู่ในน้ำจืด เช่น ไฮดรา
บริเวณหนวดของสัตว์ พวกนี้จะมีเข็มพิษไว้ฆ่าเหยื่อก่อนที่เหยื่อจะเข้าช่องปาก
บางชนิดมีหนวดจำนวนมาก เช่น แมงกะพรุน และดอกไม้ทะเล
บางพวกมีเปลือกแข็งหุ้มเป็นหินปูน เช่น ปะการัง
บางพวกมีกิ่งก้านเหมือนต้นไม้ เช่น กัลปังหา เป็นต้น

การสืบพันธุ์ 
สัตว์กลุ่มนี้ บางชนิดจะสืบพันธุ์ แบบไม่อาศัยเพศ
โดยการแตกหน่อ เช่น ไฮดรา ปะการัง และกัลปังหา
บางชนิดสืบพันธุ์แบบอาศัยเพศ เช่น แมงกะพรุน

พวกหนอนตัวแบน

สัตว์กลุ่มนี้มีรูปร่างคล้ายตัวหนอน แต่มีลักษณะลำตัวแบน
บางชนิดมีปากและทวารหนักเป็นช่องเปิดเดียวกัน เช่น พลานาเรีย
บางชนิดดูดกินเลือดสัตว์อื่นที่มันเข้าไปอาศัยอยู่เป็นอาหาร
เช่น พยาธิใบไม้ และพยาธิตัวตืดจึงเรียกว่าพวกนี้ว่า ปรสิต

การสืบพันธุ์
ของสัตว์พวกนี้มีทั้งแบบอาศัยเพศ และแบบไม่อาศัยเพศ
บางชนิดมีสองเพศในตัวเดียวกัน เช่น พยาธิบางชนิด ผสมพันธุ์กันเองในตัว
แล้วปล่อยไข่ออกมา เช่น พยาธิตัวตืด
บางชนิดใช้วิธีการงอกใหม่ ซึ่งจะแบ่งร่างกายเป็น 2 ส่วน
แล้วเจริญกลายเป็นตัวใหม่ เช่น พลานาเรีย

พวกหนอนตัวกลม

สัตว์พวกนี้จะมีลักษณะลำตัวกลมยาวเหมือน เชือก หัวท้ายค่อนข้างแหลม
ลำตัวไม่เป็นปล้อง เป็นพวกที่เรียกว่า ปรสิตทั้งในพืชและในสัตว์
เช่น ไส้เดือนฝอย พยาธิไส้เดือน พยาธิปากขอ พยาธิเส้นด้าย พยาธิตัวจื๊ด
ตัวผู้กับตัวเมียแยกกัน ตัวเมียจะโตกว่าตัวผู้ ตัวเมียหางเหยียด ตัวผู้หางจะงอเล็กน้อย

การสืบพันธุ์
ของสัตว์กลุ่มนี้จะเป็นแบบอาศัยเพศ มีเพศแยกกันคนละตัว เมื่อจับคู่ผสมพันธุ์กัน
ไข่ของตัวเมียที่ถูกผสมแล้วจะถูกปล่อยออกมาภายนอกร่างกายของสัตว์ที่มันเข้าไปอาศัยอยู่
โดยออกมากับอจุจาระ เมื่อมีอากาศและความชื้นที่เหมาะสมจึงฟักเป็นตัวอ่อน แล้วตัวอ่อนไช
เข้าสู่ร่างกายสัตว์อื่นทางซอกเท้าไปตามเส้นโลหิต
ได้แก่ พยาธิตัวตืด พยาธิปากขอ พยาธิไส้เดือน พยาธิเส้นด้าย

พวกลำตัวเป็นปล้อง

สัตว์พวกนี้ จะมีลำตัวกลมยาวเหมือนพยาธิตัวกลม แต่จะมีลักษณะเป็นปล้องๆ
เหมือนวงแหวนหลายๆ อันเรียงซ้อนกัน มีผิวหนังเปียกชื้นช่วยแลกเปลี่ยนแก๊สในการหายใจ
ส่วนใหญ่ หากินอิสระ และอาศัยในทะเล
เช่น แม่เพรียง บางชนิดอาศัยในน้ำจืด เช่น ตัวสงกรานต์ (ตัวร้อยขา)
บางชนิดเป็น ปรสิต ดูดเลือดสัตว์อื่นเป็นอาหาร เช่น ปลิงน้ำจืด ปลิงบก(ทาก)
บางชนิดอาศัยอยู่ในดิน เช่น ไส้เดือนดิน

การสืบพันธุ์
สัตว์พวกนี้ มีทั้ง 2 เพศอยู่ในตัวเดียวกัน และแยกเพศคนละตัว จะอาศัยเพศในการสืบพันธุ์

 
พวกมีผิวขรุขระเป็นหนาม

สัตว์พวกนี้ ตามผิวหนังจะมีลักษณะเป็นปุ่มปมขุรขระ บางชนิดเป็นหนาม
บางชนิดมีเปลือกหุ้มลำตัวรูปทรงกลม หรือกลมแบน เช่น ปลาดาว หอยเม่น

การสืบพันธุ์ 
สัตว์พวกนี้มีการสืบพันธุ์ได้ทั้ง 2 แบบ คือ
แบบอาศัยเพศ โดยการปฏิสนธิภายนอก ตัวเมียจะมีการผลิตไข่ครั้งละมากๆ
เพื่อให้มีโอกาสอยู่รอดได้มาก
ส่วนการสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ จะใช้วิธีการงอกใหม่ ซึ่งจะพบในพวกปลาดาวทะเล

พวกหอยและหมึก

สัตว์พวกนี้ จะมีลักษณะลำตัวอ่อนนิ่ม
บางชนิดมีเปลือกแข็งซึ่งเป็นสารพวกหินปูนหุ้มลำตัว
เช่น หอยต่างๆ ใช้กล้ามเนื้อท้องในการเคลื่อนที่
บางชนิดจะไม่มีเปลือกแข็งหุ้มลำตัว แต่มีเนื้อลำตัวเหนียวมาก
เช่นปลาหมึกธรรมดา และปลาหมึกยักษ์ ใช้หนวดโบกพัดเพื่อว่ายน้ำเคลื่อนที่ไป
ส่วนใหญ่จะอาศัยอยู่ในน้ำ หายใจด้วยเหงือก
บางชนิดอาศัย อยู่บนบก หายใจด้วยปอด เช่นหอยทาก

การสืบพันธุ์
แบบอาศัยเพศ มีเพศแยกกันคนละตัว ส่วนใหญ่มีการปฏิสนธิภายใน
แต่บางชนิดมีการปฏิสนธิภายนอก โดยการปล่อยเซลล์สืบพันธุ์ออกไปผสมกันในน้ำ

พวกมีขาเป็นข้อ

สัตว์พวกนี้ จะมีขาเป็นข้อๆ ต่อกัน ทุกชนิดมีเปลือกแข็งหุ้มลำตัวด้านนอกแบ่งเป็นปล้องๆ
ซึ่งจะช่วยป้องกันอันตราย และทำให้ร่างกายคงรูปอยู่ได้
เมื่อร่างกายภายในเจริญเติบโตจะดันเปลือกให้แตกออก แล้วสร้างเปลือกใหม่
เราเรียกว่า ลอกคราบ ระหว่างลอกคราบ น้ำหนักจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ขนาดจะคงที่
จะพบสัตว์พวกนี้ทั้งบนบก ในน้ำจืด และในน้ำเค็ม เนื่องจากสัตว์พวกนี้ไม่มีกระดูกสันหลัง
และมีจำนวนมากนักวิทยาศาสตร์ ได้แบ่งออกเป็นกลุ่มย่อยได้ดังนี้ี

1. พวกแมลง
เป็นสัตว์ที่มีมากที่สุดกว่ากลุ่มอื่น ลำตัว แบ่งออกเป็นส่วนหัว อก และท้อง
มีขา 3 คู่ ที่บริเวณอกส่วนใหญ่มีปีกช่วยในการบิน 1-2 คู่
แมลงจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างการเจริญเติบโต โดยการลอกคราบ

2. พวกแมงมุม
สัตว์กลุ่มนี้ส่วนใหญ่อาศัยอยู่บนบก มีขา 4 คู่ เช่นแมงมุม บึ้ง แมงป่อง แมงมุม

3. พวกตะขาบ
สัตว์พวกนี้จะมีลำตัวเรียวยาว และแบนเล็กน้อยลำตัวแบ่งเป็นปล้องๆ
แต่ละปล้องจะมีขา 1 คู่ เช่น ตะขาบ ซึ่งมีเขี้ยวพิษที่บริเวณปากไว้ป้องกันตัว และฆ่าเหยื่อ

4. กิ้งกือ
สัตว์พวกนี้มีลำตัวเป็นทรงกระบอก และ แบ่งเป็นปล้องๆ แต่ละปล้องมีขา 2 คู่
เช่น กิ้งกือ แม้จะมีขามากแต่เดินได้อย่างเชื่องช้าเมื่อมีสิ่งใดมากระทบจะม้วนลำตัวเป็นวงกลม

5. พวกกุ้งและปู
สัตว์พวกนี้จะอาศัยอยู่ในน้ำเป็นส่วนใหญ่ จะพบทั้งในน้ำจืดและน้ำเค็ม เช่น ปู กุ้ง กั้ง และไรน้ำ

การสืบพันธุ์ แบบอาศัยเพศ มีเพศแยกกันคนละตัว ส่วนใหญ่มีการปฏิสนธิภายใน มีการวางไข่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น