วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2565

ตด...เป็นเรื่องสำคัญ

 ตด...เป็นเรื่องสำคัญ


สำนวนบู๊ลิ้ม...ตงง้วน...เปรียบเทียบวาจาของคนที่โกหกพกลมว่าเป็นการ "ผายลม"

เพราะลมตดผายออกมาแล้วก็หายไปไร้สาระอะไรเช่นนั้น ตดเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตมนุษย์ 

เพราะเป็นการระบายแก๊สที่อัดแน่นในกระเพาะอาหารให้ระบายออกมาทางปลายทวารหนัก

หากร่างกายมนุษย์ไม่มีระบบการระบายแก๊สในกระเพาะอาหารออกมาด้วยการเรอหรือการผายลม

ท้องจะอืดและทำให้เกิดอาการแน่นท้อง แน่นหน้าอก จนต้องส่งเข้าไปในโรงพยาบาล เพื่อหาทางระบายเอาแก๊สที่อยู่ในกระเพาะอาหารออกมาให้หมด

.

ตดแม้เป็นเรื่องไร้สาระก็จริง แต่ตดก็คือ ส่วนหนึ่งของระบบขับถ่ายในร่างกายมนุษย์ นอกเหนือไปจากการถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ

ซึ่งไร้การควบคุม แต่จะทำหน้าที่ของมันโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดความจำเป็น

เพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายจากอาการแน่นท้อง มีนักวิจัยทำการวิจัยส่วนประกอบของตดแล้วพบว่า

ตดประกอบด้วย ไนโตรเจนร้อยละ 59 ไฮโดรเจนร้อยละ 21 คาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 9 มีเทนร้อยละ 7 ออกซิเจนกับสารประกอบอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่น

อุณหภูมิของตดเมื่อแรกระเบิดตดประมาณ 98.6 องศาฟาเรนไฮต์ แรงเคลื่อนที่ของตดตกอยู่ที่ 10 ฟุตต่อวินาที 

คนตดเฉลี่ยประมาณครึ่งลิตร ผู้หญิงมีอัตราตดสูงกว่าผู้ชาย

.

ตัวการทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นชวนอ้วก คือ "ไฮโดรเจนซัลไฟด์" (แก๊สไข่เน่า) 

ยิ่งรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของกำมะถันมาก ตดก็จะมีกลิ่นหอมหวนชวนให้เวียนกบาล

เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี เนยสด ไข่ รวมทั้งโซดา เกือบลืมไป...มนุษย์เราตดเฉลี่ยวันละประมาณ 14 ครั้ง

.

มีเรื่องชวนหัวแต่ขำไม่ออกมาถามนักวิทยาศาสตร์ด้วยคำถามโง่ๆ ว่า ตดจุดให้ลุกเป็นไฟ ได้หรือไม่ นักวิจัยได้ทำการทดลองและสรุปผลว่า

"ทำไมจะไม่ได้ เพราะส่วนประกอบหลักของตด คือ ไฮโดรเจนกับมีเทน ที่เป็นแก๊สไวไฟ

เหตุที่ตดมีส่วนประกอบของไฮโดรเจนกับมีเทน ก็ด้วยเหตุผลว่า 

แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้มนุษย์กินอาหารที่เลื่อนไหลไปตามลำไส้ ทำให้เกิดแก๊สดังกล่าวปนออกมาจนถึงปลายทวารหนัก

.

นักวิจัยได้เตือนว่า สำหรับนักเรียนอย่าได้ทดลองทำเข้าด้วยตัวเอง เพราะในห้องทดลองนั้นมีกรรมวิธีที่มีความปลอดภัยในการทดลอง 

การทดลองกันเองด้วยความสนุก อาจเกิดอันตรายถึงกับปลายทวารหนักพังหรือพอง ซึ่งจะเกิดผลข้างเคียงตามมาจนคาดไม่ถึงทีเดียว


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น