ตด...เป็นเรื่องสำคัญ
สำนวนบู๊ลิ้ม...ตงง้วน...เปรียบเทียบวาจาของคนที่โกหกพกลมว่าเป็นการ "ผายลม"
เพราะลมตดผายออกมาแล้วก็หายไปไร้สาระอะไรเช่นนั้น ตดเป็นสิ่งจำเป็นในชีวิตมนุษย์
เพราะเป็นการระบายแก๊สที่อัดแน่นในกระเพาะอาหารให้ระบายออกมาทางปลายทวารหนัก
หากร่างกายมนุษย์ไม่มีระบบการระบายแก๊สในกระเพาะอาหารออกมาด้วยการเรอหรือการผายลม
ท้องจะอืดและทำให้เกิดอาการแน่นท้อง แน่นหน้าอก จนต้องส่งเข้าไปในโรงพยาบาล เพื่อหาทางระบายเอาแก๊สที่อยู่ในกระเพาะอาหารออกมาให้หมด
.
ตดแม้เป็นเรื่องไร้สาระก็จริง แต่ตดก็คือ ส่วนหนึ่งของระบบขับถ่ายในร่างกายมนุษย์ นอกเหนือไปจากการถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ
ซึ่งไร้การควบคุม แต่จะทำหน้าที่ของมันโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดความจำเป็น
เพื่อทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายจากอาการแน่นท้อง มีนักวิจัยทำการวิจัยส่วนประกอบของตดแล้วพบว่า
ตดประกอบด้วย ไนโตรเจนร้อยละ 59 ไฮโดรเจนร้อยละ 21 คาร์บอนไดออกไซด์ร้อยละ 9 มีเทนร้อยละ 7 ออกซิเจนกับสารประกอบอื่นๆ ที่ทำให้เกิดกลิ่น
อุณหภูมิของตดเมื่อแรกระเบิดตดประมาณ 98.6 องศาฟาเรนไฮต์ แรงเคลื่อนที่ของตดตกอยู่ที่ 10 ฟุตต่อวินาที
คนตดเฉลี่ยประมาณครึ่งลิตร ผู้หญิงมีอัตราตดสูงกว่าผู้ชาย
.
ตัวการทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นชวนอ้วก คือ "ไฮโดรเจนซัลไฟด์" (แก๊สไข่เน่า)
ยิ่งรับประทานอาหารที่มีส่วนประกอบของกำมะถันมาก ตดก็จะมีกลิ่นหอมหวนชวนให้เวียนกบาล
เช่น ถั่ว กะหล่ำปลี เนยสด ไข่ รวมทั้งโซดา เกือบลืมไป...มนุษย์เราตดเฉลี่ยวันละประมาณ 14 ครั้ง
.
มีเรื่องชวนหัวแต่ขำไม่ออกมาถามนักวิทยาศาสตร์ด้วยคำถามโง่ๆ ว่า ตดจุดให้ลุกเป็นไฟ ได้หรือไม่ นักวิจัยได้ทำการทดลองและสรุปผลว่า
"ทำไมจะไม่ได้ เพราะส่วนประกอบหลักของตด คือ ไฮโดรเจนกับมีเทน ที่เป็นแก๊สไวไฟ
เหตุที่ตดมีส่วนประกอบของไฮโดรเจนกับมีเทน ก็ด้วยเหตุผลว่า
แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้มนุษย์กินอาหารที่เลื่อนไหลไปตามลำไส้ ทำให้เกิดแก๊สดังกล่าวปนออกมาจนถึงปลายทวารหนัก
.
นักวิจัยได้เตือนว่า สำหรับนักเรียนอย่าได้ทดลองทำเข้าด้วยตัวเอง เพราะในห้องทดลองนั้นมีกรรมวิธีที่มีความปลอดภัยในการทดลอง
การทดลองกันเองด้วยความสนุก อาจเกิดอันตรายถึงกับปลายทวารหนักพังหรือพอง ซึ่งจะเกิดผลข้างเคียงตามมาจนคาดไม่ถึงทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น