วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

พลู สมุนไพรแก้อักเสบแต่โบราณ

พลู สมุนไพรแก้อักเสบแต่โบราณ
ในอดีต การกินหมากกินพลู ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตของคนไทย แทบทุกบ้านจะมีสำหรับใช้และสำหรับรับแขก เป็นเอกลักษณ์ที่เมื่อไปถึงไหนก็ต้องมีเชี่ยนหมากไว้ใส่หมาก ใส่พลูไปกินให้รู้สึกสดชื่นก่อนค่อยทำงานอื่นต่อไปได้ ในการกินหมากและพลูนั้น นอกจากจะใส่พืชสองชนิดนี้แล้วยังนิยมใส่ปูนขาว เปลือกสีเสียด เปลือกโมก หรือยาเส้น ซึ่งก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมุนไพรที่ได้รับการคัดสรรแล้วว่า มีฤทธิ์ในการสมานแผล และยับยั้งเชื้อโรคได้ดี จนแทบไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดคนอายุมากแล้วที่เคี้ยวหมาก เคี้ยวพลูยังมีฟันที่แข็งแรง อยู่ครบแทบทุกซี่ ผิดกับคนสมัยใหม่ที่ยังไม่ทันไร ฟันก็หายไปแทบไม่มีเหลือ

สรรพคุณในทางยาของพลูนั้น ใช้ในการแก้อักเสบได้ดีทั้งแผลสดแผลหนอง แก้ปวดฟัน บาดแผลฟกช้ำดำเขียว การถูกทิ่มแทง หรือแม้แต่เล็บขบที่บวมจนถอดก็สามารถช่วยได้ ซึ่งวิธีการใช้ก็สามารถทำได้ไม่ยาก อาจใช้ใบพลูเพียงอย่างเดียว หรือใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น

ให้นำใบพลู 1 - 2 ใบ ต่อเกลือ 1 - 2 หยิบมือ โดยใช้มากหรือน้อยแล้วแต่ความกว้างของแผล และบริเวณที่ปวดบวม แล้วตำใบพลูกับเกลือ ใส่น้ำเล็กน้อยพอชุ่มแผล (ถ้าแผลปิดปาก ตกสะเก็ด มีหนองข้างใน ต้องล้างหรือขูดหนองออกก่อน) หรือจะใช้พอกเล็บขบเล็บฉีกประตูหนีบหนามตำเข้าเนื้อ ท่านว่าใช้ได้ผลดีนัก หากต้องการใช้ใบพลูในสรรพคุณรักษาอาการบวม ก็ให้นำใบพลูไปอังไฟแล้วนำมาประคบก็จะทำให้อาการบวมลดลงอย่างรวดเร็ว

ในทางวิทยาศาสตร์ พลูสามารถช่วยลดอาการเจ็บปวดลงได้เนื่องจากมีสารชาวิคอล (Chavicol) ที่ทำให้เกิดอาการชา และมีน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวไม่เกร็ง และมีฤทธิ์ทำให้เลือดไหลเวียนดีจึงช่วยลดอาการปวดเคล็ดขัดยอก ลดการอักเสบช้ำบวมได้ดี

นอกจากนี้สารสกัดจากใบพลูยังมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อโรคได้หลายชนิด ใบพลูจึงสามารถรักษาแผลต่างๆ ได้ดี และยังมีฤทธิ์ยับยั้งเชื้อราได้อีกด้วย

ถึงแม้ในปัจจุบัน การกินหมากเคี้ยวพลูจะไม่ได้รับความนิยมเช่นในอดีตแล้ว แต่อย่างไรก็ดีพลู ยังเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณดีในด้านการสมานแผล ที่ควรปลูกไว้ประจำครัวเรือน

********************************
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร
********************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น