วันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2561

สารพันปัญหาของคนอ้วน

สารพันปัญหาของคนอ้วน
คำถาม - คุณหมอคะ ดิฉันอยากลดความอ้วนมากค่ะ เพราะตอนนี้แฟนก็บ่นว่าอ้วนเป็นตุ่มน่าเกลียดมากเลยค่ะ มีวิธีไหนที่จะเหมาะสมกับคนอ้วนอย่างหนูคะ
คำตอบ - วิธีการลดความอ้วนมีมากมายหลายวิธี ยกตัวอย่างเช่น เริ่มตั้งแต่ทำด้วยตัวเองคือควบคุมอาหารกินให้น้อยกว่าที่เคย, ออกกำลังกายให้มากมากเข้าไว้ ยิ่งบ่อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี, หรือวิธีอื่น ๆ ที่ต้องให้หมอช่วยก็อย่างเช่น การใช้ยาลดความอ้วน การผ่าตัด หรือการกำจัดไขมันส่วนเกินด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ละวิธีก็มีข้อดีข้อเสียต่างกัน แต่ละวิธีก็ทำให้น้ำหนักลดลงทั้งนั้น สำคัญอยู่ที่ว่าคุณตั้งใจจริงหรือเปล่า ปฏิบัติอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ หรือทำ ๆ เลิก ๆ แบบนี้ก็คงยุบหนอพองหนออยู่ร่ำไป ทางที่ดีลองปรึกษาแพทย์ดูซิ น่าจะได้ข้อแนะนำหรือวิธีลดความอ้วนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

คำถาม - มีคนแนะนำดิฉันว่าถ้าอยากลดความอ้วนก็ต้องอดอาหารบางมื้อหรือกินอาหารวันละมื้อเดียว คุณหมอว่าวิธีนี้ดีไหมคะ
คำตอบ - วิธีอดอาหารมื้อ เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง เหตุผลก็เป็นเพราะ
..........1. การอดอาหารมื้อหนึ่งจะทำให้เกิดท้องว่าง หากทำเช่นนี้บ่อย ๆ จะทำให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบเป็นแผลได้
..........2. วิธีนี้ทำได้ไม่นานก็ต้องเลิกล้มไป เพราะทำให้ความอยากอาหารมากขึ้นในมื้อถัดไป ทำให้กินอาหารชดเชยมากกว่าเดิม
..........3. แต่ถ้าอดอาหารบางมื้อโดยค่อย ๆ ฝึกให้ร่างกายเคยชินจากที่เคยกิน 3 มื้อก็เหลือเพียง 2 มื้อ โดยยึดเวลาระหว่าง 2 มื้อให้นานขึ้น มื้อที่ไม่ควรอดคือมื้อเช้า เพราะอาหารมื้อเช้าจะเป็นพลังงานที่สำคัญในการเริ่มต้นการทำงาน ส่วนมื้อที่ควรอดมากที่สุดคืออาหารมื้อก่อนนอน เพราะในขณะที่หลับร่างกายไม่ต้องการใช้พลังงานมากนัก ทำให้พลังงานเหลือเก็บมากกว่ามื้ออื่น ๆ ทำให้อ้วนได้ง่าย

คำถาม - ครอบครัวของดิฉันอ้วนทุกคน ดิฉันก็อ้วน อยากจะลดน้ำหนักแต่กลัวว่าจะลดยากกว่าคนอื่น คุณหมอคิดว่าเป็นอย่างนั้นไหมคะ
คำตอบ - ถ้าเปรียบเทียบคนที่อ้วนตั้งแต่วัยเด็กกับคนที่เริ่มอ้วนตอนเป็นผู้ใหญ่ จากการศึกษาพบว่าคนอ้วนทั้ง 2 แบบแตกต่างกันคือ คนที่อ้วนมานานตั้งแต่เป็นเด็กจะมีจำนวนเซลล์ไขมันมากกว่าคนปกติ ในขณะที่คนอ้วนที่เริ่มอ้วนตอนเป็นผู้ใหญ่แล้วนั้นพบว่าเซลล์ไขมันมีขนาดใหญ่ขึ้นแต่มีจำนวนเท่าเดิม ดังนั้นแนวโน้มการลดน้ำหนักคนที่อ้วนตั้งแต่เด็กน่าจะยากกว่าคนที่เริ่มอ้วนในวัยผู้ใหญ่ แต่อย่างไรก็ตามคนอ้วนทั้ง 2 แบบก็สามารถลดน้ำหนักตามที่ต้องการได้ ขอเพียงแต่ตั้งใจ ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ เปลี่ยนนิสัยการกินเสียใหม่ และเมื่อลดน้ำหนักได้แล้วก็ต้องควบคุมการกินอาหารให้ดี มิฉะนั้นก็จะอ้วนใหม่อีกได้

คำถาม - ผมพยายามลดความอ้วนโดยการรับประทานอาหารแต่ละมื้อให้น้อยลงกว่าเดิมแต่ก็ยังหิวอยู่ จะทำอย่างไรดีครับ
คำตอบ - เป็นเรื่องปกติที่เคยรับประทานอาหารมากแล้วมาลดปริมาณอาหารลง กระเพาะที่เคยรับอาหารปริมาตรเต็มที่ แต่ต่อมาอาหารที่ได้รับใส่ไม่เต็มกระเพาะ ก็เลยยังรู้สึกหิวอยู่
วิธีทำให้อิ่มโดยไม่เพิ่มอาหารเข้าไปก็มีหลายวิธีเช่น
..........- ดื่มน้ำหลาย ๆ แก้วก่อนรับประทานอาหารและเมื่อหลังจากอาหารหมดจานแล้ว
..........- รับประทานไฟเบอร์ชนิดซองหรือชนิดเม็ด เพื่อช่วยเพิ่มปริมาตรอาหารในกระเพาะ ทำให้รู้สึกอิ่มเร็วขึ้น นอกจากนี้ไฟเบอร์ยังไปรบกวนการย่อยและการดูดซึมของไขมัน เป็นการลดปริมาณพลังงานที่ได้รับจากอาหารมื้อนั้นอีกด้วย วิธีรับประทานไฟเบอร์ที่ถูกต้องคือ รับประทานก่อนอาหาร 1/2-1 ชม. ก่อนอาหารและดื่มน้ำตาม 2-3 แก้วทันที ส่วนปริมาณไฟเบอร์นั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคน คนที่เคยรับประทานมากอาจจะต้องใช้ไฟเบอร์มากกว่าปกติ แล้วค่อย ๆ ปรับลดลงภายหลัง

คำถาม - คุณหมอครับ ผมเป็นคนรูปร่างท้วม ๆ แต่อยู่ไปอยู่ไปกางเกงมันก็เริ่มคับใส่ไม่ได้ต้องตัดใหม่อยู่เป็นประจำ ทั้ง ๆ ที่ผมก็ไม่ได้กินเยอะมากมายอะไร มื้อหนึ่งก็กินข้าวไม่กี่คำ อาหารอื่นก็เล็กน้อยเท่านั้น ผมมีงานสังสรรค์กับเพื่อนค่อนข้างบ่อย แต่ผมก็ดื่มแต่เหล้านะครับ ไม่ได้ผสมน้ำอัดลม กับแกล้มก็ไม่ได้แตะต้องเลยนะครับ เพื่อนผมบอกว่าดื่มแต่เหล้าไม่กินกับแกล้มไม่อ้วนหรอก จริงหรือเปล่าครับ
คำตอบ - การที่กางเกงคุณคับใส่ไม่ได้ก็แสดงว่าท้องหรือพุงของคุณเริ่มใหญ่ขึ้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะร่างกายของคุณมีไขมันสะสมมากขึ้นโดยเฉพาะที่พุง ซึ่งเกิดจากการที่คุณได้รับพลังงานจากอาหารมากเกินความจำเป็น แม้แต่เหล้าเบียร์หรือเครื่องดื่มที่ผสมเอธิลแอลกอฮอล์ จะให้พลังงานแก่ร่างกายด้วยซึ่งพลังงานที่ได้รับขึ้นอยู่กับปริมาณของเอธิลแอลกอฮอล์และปริมาณที่ดื่มว่ามากน้อยแค่ไหน เอธิลแอลกอฮอล์ 1 กรัม สามารถให้พลังงานได้ถึง 7 แคลอรี่ ซึ่งมากกว่าพลังงานที่ได้จากคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเสียอีก จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่การดื่มเหล้าของคุณจะเป็นผลทำให้พุงของคุณขยายใหญ่ขึ้น

คำถาม - จริงหรือเปล่าคะที่คนเค้าว่ากันว่าดื่มน้ำมากมากทำให้ตัวบวมและอ้วนขึ้น
คำตอบ - มันอยู่ที่ว่าน้ำที่คุณว่านั้นเป็นน้ำอะไร ถ้าเป็นน้ำเปล่าธรรมดาซึ่งไม่ให้พลังงานแก่ร่างกายเลย คุณสามารถดื่มได้มากตามต้องการโดยไม่ต้องกลัวว่าจะอ้วนเพราะร่างกายมีระบบการควบคุมน้ำในร่างกายหากเกินความต้องการก็จะถูกขับออกจากร่างกายโดยทางปัสสาวะเป็นส่วนมาก ที่เหลือก็จะออกทางอุจจาระและเหงื่อ ยกเว้นเสียแต่ว่ามีภาวะบกพร่องของอวัยวะในร่างกาย เช่น โรคไตซึ่งเกิดความผิดปกติในการขับน้ำ น้ำก็จะสะสมอยู่ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้เกิดอาการบวมตามใบหน้า แขน ขา และน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งไม่เกี่ยวกับการสะสมของไขมัน

คำถาม - ดิฉันอายุ 45 ปี พยายามควบคุมน้ำหนักแต่ก็ทำไม่ได้ทั้ง ๆ ที่ดิฉันก็รับประทานอาหารเท่ากับตอนเป็นสาว ไม่ได้มากกว่าเลย กิจวัตรประจำวันก็เหมือนเดิม แต่ทำไมน้ำหนักของดิฉันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ล่ะคะ
คำตอบ - ธรรมชาติของมนุษย์ เมื่ออายุมากขึ้นจะเกิดความเสื่อมของสังขาร ความต้องการพลังงานในการดำรงชีวิตจะลดลง และถ้าทำกิจกรรมลดลงด้วย เช่น ปลดเกษียณ ไม่ได้ทำงานอะไร เคยเป็นนักกีฬาพออายุมากขึ้นก็เลิกไป, เคยทำงานบ้านทุกวันพออายุมากขึ้นก็มีคนอื่นมาทำแทน ฯลฯ ดังนั้นเมื่อความต้องการพลังงานของร่างกายลดลง แต่ได้รับอาหารเหมือนเดิมก็ย่อมต้องมีพลังงานเหลือเก็บอย่างแน่นอน วิธีการควบคุมน้ำหนักที่ดีที่สุดก็คือ การรับประทานอาหารให้น้อยลง และหันไปทำกิจกรรมอื่นทดแทน เช่น ทำสวน, ออกกำลังกาย, เล่นกีฬา เป็นต้น

คำถาม - อาหารอะไรบ้างคะที่ไม่ทำให้อ้วน
คำตอบ - ความจริงแล้วขึ้นชื่อว่าอาหารแล้ว ก็คือแหล่งพลังงานที่สำคัญของมนุษย์ อาหารแต่ละชนิดมีพลังงานมากน้อยแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดของอาหารและปริมาณที่ได้รับอาหารที่ให้พลังงานมากและควรหลีกเลี่ยง ยกตัวอย่างเช่น ไขมัน เนย ครีม ขนมของหวาน เครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาลหรือเอธิลแอลกอฮอล์มาก เป็นต้น คนที่ชอบกินอาหารประเภทนี้บ่อย ๆ ก็จะอ้วนง่ายกว่าคนที่ชอบกินผักหรือผลไม้ ซึ่งให้พลังงานต่ำกว่า และมีเส้นใยอาหารช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติด้วย

คำถาม - ดิฉันเป็นคนชอบทานของหวาน ๆ อะไรอะไรก็ต้องใส่น้ำตาลไว้ก่อน ทั้ง ๆ ที่ก็อ้วนอยู่แล้วแต่ก็อดไม่ได้ มีคนแนะนำว่าให้ใช้น้ำตาลเทียมแทนน้ำตาลทราย คุณหมอคิดว่าจะทำให้น้ำหนักลดลงได้ไหมคะ
คำตอบ - น้ำตาลเทียม ก็คือสารที่ให้ความหวาน ในปัจจุบันที่ใช้กันมากคือ แอสปาร์เทม เป็นสารที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาล 180-200 เท่า ถ้าเปรียบเทียบพลังงานที่ได้จากน้ำตาลทรายกับน้ำตาลเทียม จะพบว่า น้ำตาลทราย 1 ช้อนชาให้พลังงาน 15-20 แคลอรี่ ในขณะที่น้ำตาลเทียมหรือแอสปาร์เทมที่ให้ความหวานเท่ากับน้ำตาลทราย 1 ช้อนชา ให้พลังงานเพียง 0.5 แคลอรี่เท่านั้น ฉะนั้นหากคุณต้องการดื่มเครื่องดื่มหรืออาหารที่ต้องการความหวานแต่ให้พลังงานน้อย ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้น้ำตาลทรายหรือใช้น้ำตาลเทียมแทน แต่น้ำหนักของคุณจะลดลงหรือไม่นั้นต้องขึ้นอยู่กับปริมาณพลังงานที่ได้จากอาหารอื่น ๆ ด้วย

คำถาม - ดิฉันเคยทานยาลดน้ำหนัก น้ำหนักก็ลดได้ดี แต่เวลาทานยามักจะเกิดอาการหลายอย่างเช่น ปวดศีรษะ ท้องผูก ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย อาการเหล่านี้แสดงว่าดิฉันแพ้ยาหรือเปล่าคะ
คำตอบ - จริง ๆ แล้วอาการต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่การแพ้ยา แต่เป็นอาการที่เกิดจากฤทธิ์ยาโดยตรงหรือผลข้างเคียงของยาบางชนิด
..........อาการปวดศีรษะ - มักเป็นอาการข้างเคียงของยาในกลุ่มที่ทำให้ไม่หิว อาการเหล่านี้จะหายไปเมื่อหยุดทานยาหรือรับประทานยาในขนาดที่น้อยลง
..........อาการปัสสาวะบ่อย - เป็นอาการที่เกิดจากฤทธิ์ของยาขับน้ำ ซึ่งมักจะมีอยู่ในยาลดน้ำหนักทั่ว ๆ ไป จึงทำให้มีอาการปัสสาวะบ่อยขึ้น หากหยุดรับประทานยา การปัสสาวะก็จะเป็นปกติ แพทย์มักจะใช้ยาขับปัสสาวะในโรคอื่น เช่น ความดันโลหิตสูง
..........อาการอ่อนเพลีย
          - เกิดขึ้นได้หลายสาเหตุคือ
          - ในระหว่างที่ทายยาลดน้ำหนัก จะทำให้ไม่รู้สึกอยากอาหารและทานอาหารให้น้อยลง ดังนั้นเมื่อร่างกายได้รับพลังงานน้อยเกินไป ก็จะทำให้อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย
          - การสูญเสียน้ำและเกลือแร่ เนื่องจากปัสสาวะบ่อยขึ้นก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลีย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น