วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

การลดความอ้วนโดยการผ่าตัด

การลดความอ้วนโดยการผ่าตัด
..........การผ่าตัดเพื่อลดความอ้วน ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่พยายามลดความอ้วนด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วไม่สำเร็จ จุดประสงค์ของการผ่าตัดก็เพื่อให้ร่างกายได้รับอาหารหรือดูดซึมสารอาหารได้น้อยลง

..........การผ่าตัดเพื่อลดความอ้วนในที่นี้ คือ การผ่าตัดอวัยวะภายในที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี คือ
1. ผ่าตัดยึดกระดูกขากรรไกร
..........เป็นการผ่าตัดยึดกระดูกขากรรไกรบนและล่างเข้าไว้ด้วยกันทำให้อ้าปากกว้างไม่ได้ เพื่อให้กินอาหารได้ลำบากขึ้น ส่วนใหญ่จะกินได้แต่อาหารเหลวหรือน้ำเท่านั้น มีรายงานจากประเทศออสเตรเลียว่าวิธีนี้ได้ผล สามารถลดน้ำหนักได้ 25 กิโลกรัมภายในระยะเวลา 6 เดือน แต่ที่ไม่นิยมทำกันเพราะส่วนใหญ่เมื่ออ้าปากได้เหมือนเดิมก็กลับอ้วนใหม่อีกเพราะกินมากเหมือนเดิม

2. ผ่าตัดกระเพาะอาหารให้เล็กลง
..........โดยตัดกระเพาะอาหารบางส่วนออกไป เพื่อให้ปริมาตรของกระเพาะลดลง ดังนั้นเมื่อกินอาหารจำนวนไม่มาก ก็จะเต็มกระเพาะจึงรู้สึกอิ่มเร็วขึ้น

3. ผ่าตัดโดยการตัดต่อลำไส้เล็กส่วนต้นเข้ากับลำไส้ใหญ่
..........การผ่าตัดแบบนี้ก็เพื่อที่จะทำให้อาหารที่กินเข้าไป ออกไปทางทวารเร็วขึ้น ซึ่งจะทำให้การดูดซึมอาหารจากลำไส้ได้น้อยลง

4. ผ่าตัดโดยการตัดต่อลำไส้เล็กส่วนต้นเข้ากับส่วนปลาย
..........อาหารจะผ่านลำไส้รวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้การดูดซึมอาหารจากลำไส้ได้น้อยลง

หลักเกณฑ์ในการผ่าตัด
..........1. น้ำหนักเกินกว่ามาตรฐานไป 45 กิโลกรัมหรือน้ำหนักเป็น 2 เท่าของน้ำหนักมาตรฐานที่ควรจะเป็น
..........2. ผู้ที่ตั้งใจลดน้ำหนักที่อ้วนมากและมีปัญหาเกี่ยวกับการกินอาหาร ซึ่งเป็นโรคที่ภาษาทางการแพทย์เรียกว่า "Polyphagia" จะมีอาการคือกินอาหารมากกว่าปกติ หิวบ่อย
..........3. เคยทดลองลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่น ๆ แล้วล้มเหลว เช่น การควบคุมอาหาร, ออกกำลังกาย, ใช้ยาลดน้ำหนัก ฯลฯ อาจเป็นเพราะไม่ได้ทำอย่างจริงจัง, เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ ทำให้ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ
..........4. ต้องแน่ใจว่าโรคอ้วนที่เกิดขึ้นมิได้เกิดจากโรคอื่น ๆ มีโรคบางอย่างที่ทำให้อ้วนขึ้นได้ เช่น โรคที่เกี่ยวกับการหลั่งฮอร์โมนผิดปกติ หรือเกี่ยวกับต่อมไร้ท่อ เช่น โรคไฮโปธัยรอยด์ เป็นต้น
..........5. ต้องไม่มีโรคที่เป็นข้อห้ามในการผ่าตัดทั่ว ๆ ไปคนที่ต้องการลดน้ำหนักแต่มีโรคประจำตัวที่ไม่สามารถผ่าตัดได้หรือการผ่าตัดจะทำให้โรคที่เป็นอยู่เลวร้ายหรือเสี่ยงต่ออันตรายมากขึ้นก็ควรละเว้นวิธีนี้ เช่น โรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงที่ยังควบคุมไม่ได้
..........6. ต้องไม่มีปัญหาโรคจิต

การปฏิบัติตัวหลังผ่าตัด
..........ภายหลังการผ่าตัด ผู้ป่วยจะต้องหัดนิสัยการรับประทานอาหารเสียใหม่ คือ จะต้องรับประทานอาหารอ่อน ๆ ในช่วง 6 สัปดาห์แรกหลังการผ่าตัด ต่อจากนั้นก็สามารถรับประทานอาหารธรรมดาได้ แต่ควรจะเคี้ยวอาหารให้ละเอียดเสียก่อนทำให้อาหารย่อยง่ายขึ้น ไม่ควรกลืนอาหารคำใหญ่เกินไปเพราะอาหารอาจไปอุดตันรูเปิดของทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้ในแต่ละมื้อก็ควรรับประทานอาหารแต่น้อยประมาณมื้อละ 60 ซีซี.

ผลการผ่าตัด
..........โดยทั่วไปคนอ้วนที่ได้รับการผ่าตัดแล้วน้ำหนักจะลดลงได้อย่างช้า ๆ ในช่วงปีแรกหลังการผ่าตัดน้ำหนักจะลดลงประมาณ 60% ของน้ำหนักที่เกินมา และน้ำหนักจะคงที่อยู่ในระยะนั้นต่อไป

..........ถึงแม้ว่าการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงระบบทางเดินอาหารเสียใหม่จะทำให้น้ำหนักลดลงได้ แต่แพทย์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันไม่แนะนำให้ลดความอ้วนด้วยวิธีนี้ เนื่องจากการผ่าตัดแบบนี้ เป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งโครงสร้างและการทำงานของระบบทางเดินอาหารอย่างถาวรผ่าตัดออกไปแล้วไม่สามารถทำกลับคืนให้เหมือนเดิมได้ยาก นอกจากนี้แล้วยังเกิดผลเสียหลายประการ คือ ประมาณร้อยละ 10 อาจเสียชีวิตจากผ่าตัด เช่น เกิดการอักเสบติดเชื้อทางแผลผ่าตัด, ขณะดมยาสลบ, เสียเลือดมาก และนอกจากนี้ยังอาจเกิดโรคขึ้นภายหลัง เช่น เกิดภาวะตับวาย, เกิดภาวะขาดน้ำและเกลือแร่อย่างรุนแรง, ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย, เป็นนิ่วในไต, กระดูกกร่อน, ท้องเสียตลอดเวลา, คลื่นไส้อาเจียน บางรายมีผมร่วง, ปวดข้อ, กลายเป็นโรคโลหิตจาง เป็นต้น สาเหตุของโรคต่าง ๆ เหล่านี้ก็เกิดจากการผ่าตัดทำให้การดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ลดน้อยลง ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

..........ในความคิดของแพทย์แล้วเห็นว่า การผ่าตัดดังกล่าวก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี ทำให้ผอมได้แต่ทำให้เกิดโรคต่าง ๆ อีกมากมายซึ่งดูแล้วไม่คุ้มค่ากับการเสี่ยงเลย การที่นำมาเล่าสู่กันฟังก็เพียงจะนำเสนอว่ามีคนเขาเคยคิดจะทำวิธีนี้กันแต่เขาเลิกกันไปแล้ว ใครที่มีความคิดแบบนี้ก็ควรจะล้มเลิกไปเสีย ยังมีวิธีการลดความอ้วนอื่น ๆ อีกมากมายที่สามารถทำให้คุณผอมได้โดยไม่เป็นอันตราย

..........คนส่วนมากที่สามารถลดน้ำหนักได้ แต่มักจะเป็นอย่างนี้คืออ้วนแล้วก็ผอม ... ผอมแล้วก็อ้วน ... อ้วนแล้วก็อ้วนขึ้นไปอีก ... เดี๋ยวก็ยุบเดี๋ยวก็พอง ที่เป็นอย่างนี้ก็เป็นเพราะว่าตามใจปาก, ไม่รู้จักอดทนอดกลั้น, ไม่ตั้งใจจริง, หรือทำไม่สม่ำเสมอ ถ้าเป็นอย่างนี้ไม่ว่าจะลดน้ำหนักวิธีไหนก็ไม่สำเร็จแน่นอน และที่อ้วนอยู่แล้วก็จะอ้วนต่อไป ที่ผอมก็จะอ้วนใหม่อีกอยู่ร่ำไป

..........ความจริงแล้วคนที่อ้วนก็สามารถผอมได้โดยไม่ยาก ไม่ต้องใช้วิธีพิสดารอะไร และคนที่อ้วนแล้วผอมลงแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอ้วนใหม่อีก ขอเพียงแต่มีความตั้งใจจริงที่จะลดความอ้วนและเตือนตัวเองอยู่ตลอดเวลา รู้จักหลีกเลี่ยงและปฏิเสธสิ่งที่จะทำให้อ้วน เพียงเท่านี้คุณก็จะสามารถบอกลาความอ้วนได้ตลอดไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น