วันจันทร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ทำไม...นักขายต้องหลั่งน้ำตา

ใคร ๆ ก็อยากรวย
..........ใครบ้างไม่อยากรวย ใครบ้างไม่อยากมีเงินมาก ๆ
แต่หนทางที่จะมีจะรวยนั่นซิ ดูมันช่างมืดมนจริง ๆ
ยิ่งในปัจจุบันนี้ถึงแม้งานจะหาไม่ยาก
แต่เมื่อเทียบเงินเดือนที่ได้รับกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นแล้ว
โอกาสที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวให้เพียงแต่พอจะมีกิน ดูก็ช่างยากเหลือเกิน
แล้วจะไปหวังอะไรกับการมีที่ดิน มีบ้าน มีรถขี่

..........อย่าว่านะ ว่าไม่ขยัน หรือเอาแต่เลือกงาน
ตอนนี้ทำอะไรได้ที่พอจะมีรายได้เพิ่มเติมและเป็นงานที่สุจริตก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น
แต่บางทีมีงานมาก็ไม่มีเวลาไปทำ
เพราะบริษัทต่าง ๆ ก็มุ่งแต่จะให้เราทุ่มเททั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังสมองให้กับบริษัทให้หมด
ถ้าไม่ให้หรือทำไม่ได้
ก็หมายความว่า ความก้าวหน้าของงานก็ไม่มี ซึ่งก็หมายความว่าเงินเดือนก็จะขึ้นน้อยไปตามกัน

..........ดังนั้น ยุคนี้เลิกพูดกันเสียทีได้ไหมกับคำว่า "เสื่อผืนหมอนใบ" ก็ตั้งตัวได้
เดี๋ยวนี้ลองหอบมาสิ เสื่อผืนหมอนใบ เกิดยังหางานทำไม่ได้แวะนอนที่ไหนเผลอหลับ
พลิกตัวพ้นหมอนทีเดียว หมอนหาย พลิกตัวพ้นเสื่ออีกที เสื่อก็หายตาม

..........ในกระบวนอาชีพรองที่มีอยู่ อาชีพนักขายเป็นอาชีพที่น่าสนใจและได้รับความนิยมอยู่มาก
ทั้งนี้ ก็เนื่องจากเสียงร่ำลือที่ว่า "ทำงานขาย รายได้ดี ทำไม่กี่ปี ก็มีรถยนต์ขี่"
เรื่องนี้ขอยืนยันได้เลยว่าเป็นความจริง

..........ด้วยเหตุนี้กระมัง จึงมีคนเป็นจำนวนมากที่เดินเข้ามาสู่ถนนสายนี้และก็อีกเช่นกัน
ที่มีคนเป็นจำนวนมากต้องมาล้มเหลวกับชีวิตบนถนนเส้นนี้
ถ้าถามว่า ทำไม?
บางคนอาจจะบอกว่ามีคนเข้ามามากก็ต้องมีสำเร็จบ้าง
ไม่สำเร็จบ้าง มากน้อยตามสัดส่วนเป็นธรรมดา

..........ความจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะความสำเร็จของการอยู่ในอาชีพของการขาย
สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับว่า "ทัศนคติแรกเข้า" ต่ออาชีพนี้ของคน ๆ นั้นเป็นอย่างไร

ทัศนคติแรกเข้าประกอบด้วย
          1. มองอย่างชื่นชม ว่าการเป็นพนักงานขายเป็นอาชีพที่มีเกียรติ
          2. มีความหวังอย่างสูงที่จะฝากอนาคตไว้กับอาชีพนี้
          3. เป็นคนที่สามารถทำงานด้วยตนเองได้ โดยไม่ต้องมีใครมาคุม

..........พนักงานขายส่วนใหญ่ที่พบเห็นกันอยู่ ยังมีทัศนคติแรกเข้าไม่ค่อยจะถูกต้องนัก เราจึงสามารถแบ่งพนักงานขายที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีทัศนคติแรกเข้าที่ไม่ถูกต้อง ออกเป็น 3 พวกด้วยกัน คือ

1. พวกศาลาพักใจ
..........หมายถึง คนที่เรียนจบมาแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะทำงานขายเลย แต่เนื่องจากยังหางานทำไม่ได้ เลยทดลองเข้ามาทำงานขายเป็นการชั่วคราว และก็หางานอื่นไปเรื่อย ๆ

2. พวกตกบันไดพลอยโจน
..........พวกนี้คล้ายกับพวกแรก คือ หางานอื่นไม่ได้เลยเข้ามาทำงานเป็นพนักงานขายชั่วคราว แต่พอเวลาผ่านเลยไปนานเข้า ก็ยังหางานอื่นตามที่ตั้งใจไม่ได้สักที ก็เลยจำใจต้องอยู่ อยู่ทั้งที่ใจไม่ได้รัก

3. พวกแพ้ภัยตัวเอง
..........พวกนี้โดยมากมักจะมีทัศนคติแรกเข้าดี แต่พอมาทำเข้าจริง ๆ พบว่าหลายอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด เลยท้อถอย เรียกอีกอย่างว่า "พวกหัวใจฝ่อ" หรือบางคนอาจจะทำงานได้ดี แต่ควบคุมตัวเองในการทำงานไม่ได้ พอมีเวลาว่างมากก็ใช้เวลาในทางที่ผิด ไม่เกิดประโยชน์แก่ตัวเองและแก่งาน ในที่สุดก็ล้มเหลว

..........ท่านละ ท่านคิดว่าขณะนี้ ท่านกำลังอยู่ตรงไหน เรื่องนี้ไม่ต้องไปถามใคร ถามตัวเองดีที่สุด ถามตัวเอง ตอบตัวเอง จะได้รู้ว่าใคร ๆ ก็อยากรวย อยากมีเงินด้วยกันทั้งนั้น แต่มีคนที่พยายามจะทำให้ตัวเองรวยตัวเองมีเงินมีสักกี่คน

.........."เราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะอยากเท่าเทียมกัน แต่สิทธิ์ที่จะมีทุกอย่างตามที่อยากนั้นมีไม่เท่ากัน ผู้ที่จะกำหนด หรืออนุญาตให้เรามีสิทธิ์หรือไม่นั้น คือ ตัวเราเอง"

..........ดังนั้น จงจำไว้เถิดว่า อนาคตข้างหน้าของเราจะเป็นอย่างไรนั้น ตัวเราเองนั่นแหละ เป็นผู้กำหนดและได้เลือกเอาไว้แล้วตั้งแต่วันนี้ด้วยการเลือกเส้นทาง เลือกวิถีทาง ของตัวเราเอง ซึ่งผลของมันก็จะเกิดขึ้นในบั้นปลาย และเมื่อวันนั้นมาถึง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเรา เราก็ต้องยอมรับ ถ้าเกิดผลดีก็จงภาคภูมิใจ ถ้าเกิดผลไม่ดี ก็อย่าไปโทษดวงชะตาฟ้าลิขิตเลย เพราะฟ้าก็อยู่ส่วนฟ้า ดินก็อยู่ส่วนดิน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น