..........คำที่เป็นบันไดขั้นต้นของความรู้สึกก็คือ to like ซึ่งเทียบได้กับคำว่า "ชอบ" ในภาษาไทย
แต่ชอบกับรักนั้นอยู่ใกล้กันมาก จนในบางภาษาอย่างเช่นฝรั่งเศสชอบกับรักก็ใช้กริยาตัวเดียวกันคือ aimer
แต่ในภาษาอังกฤษ to like และ to love ยังถือว่ามีความหมายแตกต่างกัน
คำ to love ในภาษาอังกฤษนั้นก็มีความหมาย และวิธีใช้เช่นเดียวกับรักของไทย
คือเป็นคำที่มีความหมายกว้างมาก คือรักอย่างพี่น้อง รักอย่างคู่รัก หรือผัวเมีย รักอย่างพ่อแม่ หรืออย่างลูก
รักบ้าน รักถิ่นที่อยู่ ตลอดจนรักชาติบ้านเมือง ที่พูดมานี้ใช้คำ love ได้ทั้งนั้น
ยิ่งกว่านั้นคำว่า love ยังมีความหมายกว้างกว่า "รัก" ของเรา คือใช้ในทางศาสนาได้ด้วย
เช่นคริสต์ศาสนิกชน จะถูกพร่ำสอนให้ love God ซึ่งก็มีความหมายว่าให้นับถือบูชา
ส่วนพระเยซูนั้น ก็ได้ชื่อว่ามีความรักใคร่มวลมนุษย์อย่างยิ่ง ก็คือมีความเมตตากรุณาต้องการจะช่วยให้พ้นทุกข์นั่นเอง
พระเมตตาของพระเยซูนั้นก็เรียกว่า love นั่นเอง โดยเหตุที่คำว่า love ในภาษาอังกฤษมีความหมายกว้างขวางมากเช่นนี้
จึงมักมีคำมาประกอบคำ love เพื่อให้รู้ว่าเป็นความรักชนิดใดกันแน่ เช่น
maternal love : ความรักอย่างแม่
brother love : ความรักอย่างพี่น้อง
filial love : ความรักที่ลูกมีต่อพ่อแม่
conjugal love : ความรักอย่างผัวเมีย
love of one's country : ความรักบ้านเมือง
love of adventure : ความรักการผจญภัย
love of comfort : ความรักความสบาย
love of travel : ความชอบท่องเที่ยว
..........Love โดยทั่วไปถือกันว่าคำนาม love นั้นมีความหมายลึกซึ้ง
แม้ความรักระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงหรือผัวเมีย ก็ถือว่าเป็นสิ่งแตกต่างกับความใคร่ทางกามารมณ์
ซึ่งภาษาอังกฤษเรียกว่า desire หรือ sexual desire คือแม้จะมีความใคร่และความติดเนื้อต้องใจทางเพศเป็นพื้นฐาน
แต่ก็มีความเอ็นดู ความเห็นอกเห็นใจ ความยกย่องนับถือซึ่งกันและกัน
และความสอดคล้องต้องกันในทัศนะและความคิดเห็นผสมอยู่ด้วยมากทีเดียว
แต่เมื่อใช้เป็นกริยา คือ to love ความหมายชักจะอ่อนลงไปทุกที
เนื่องจากคนอังกฤษสมัยนี้ เฉพาะอย่างยิ่งผู้หญิงมักจะใช้คำ to love ติดปาก
เช่น I'd (should) love to meet your sister.
I'd love to come with you.
ในกรณีเช่นนี้ love ก็มีความหมายเพียงว่ามีความยินดีหรือปรารถนาอย่างยิ่งเท่านั้น
..........สำนวนที่น่าพิจารณาก็คือ fall in love with ซึ่งเทียบกับไทยว่า หลงรัก
สำนวนนี้โดยทั่วไปมักใช้ในกรณีที่รักผู้หญิง เช่น He falls in love with my sister.
แต่ที่จริงสำนวนนี้ใช้กับวัตถุก็ได้เช่น He has fallen in love with the new Mercedes Benz.
..........Desire ได้กล่าวมาแล้วว่าคำ desire นั้นแปลว่าความใคร่ทางกามารมณ์ก็ได้เช่น
ผู้หญิงอาจต่อว่าผู้ชายที่ปากว่ามือถึง แต่ปากพร่ำว่ารัก ว่า This is not love but desire.
นี่ไม่ใช่ความรัก เป็นแต่เพียงความใคร่ แต่คำ desire มิได้มีความหมายในทางกามารมณ์แต่อย่างเดียว
อาจหมายถึงความปรารถนาอย่างรุนแรงไม่ว่าในทางใดก็ได้ เช่น desire for wealth ความอยากมั่งมี
desire for friendship ความอยากมีเพื่อน
อันที่จริงก็ดูเหมือนว่าผู้หญิงจะไม่เอามาเป็นอารมณ์มากนักว่าผู้ชายจะรักหรือจะใคร่เธอแน่
ขอแต่ว่าให้เธอเป็นที่พึงใจของแฟนๆ ก็แล้วกัน ในภาษาอังกฤษจึงมีคำว่า desirable ไว้ใช้กับผู้หญิง
ซึ่งเป็นที่ปรารถนาของผู้ชาย และดูเหมือนจะไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบให้ใครมาเรียกอย่างนี้
..........To be fond of คำว่ารักในภาษาอังกฤษยังมีอีกคำหนึ่ง คือ to be fond of
คำนี้มีความหมายเป็นหลายนัย คือถ้าใช้กับวัตถุก็แปลว่าชอบมาก
เช่น He is very fond of bowling. เขาชอบโบลิ่งมาก
She is fond of Chinese cooking. เธอชอบอาหารจีนมาก
แต่ถ้าใช้กับคนก็หมายถึงรักใคร่เอ็นดู
เช่น He is very fond of his wife. เขารักใคร่เอ็นดูภรรยามาก
แต่ความรักใคร่เอ็นดูนี้หนักเข้าก็มักจะกลายเป็นหลงไป คือตามอกตามใจตะพึดตะพือและให้อภัยสารพัด
a fond mother จึงหมายถึงแม่ที่รักลูกมากจนจะกลายเป็นหลง
a fond husband ก็เหมือนกันหมายถึงผัวที่รักเมียจนหลง
..........อนึ่งคำว่า fond นี้เมื่อใช้เป็นคุณศัพท์นำหน้านาม ก็อาจมีความหมายว่า "ที่ยึดถือแน่วแน่แต่เป็นสิ่งลมๆ แล้งๆ "
เช่น fond hope ก็แปลว่าความหวังลมๆ แล้งๆ
fond ambition ก็หมายถึง ความมักใหญ่ใฝ่สูงที่ไม่เกิดผลอะไร
..........To dote on คำที่แปลว่า "รักอย่างหลง" ยังมีอีกคำหนึ่งคือ to dote on
เช่น She dotes on her youngest daughter. เธอรักลูกสาวคนเล็กอย่างหลง
แต่คำนี้ตามธรรมดาไม่ได้หมายถึงความรักอย่างชู้สาว
ถ้ารักจนหลงอย่างชู้สาวก็มีคำ to be infatuated with
หรือสำนวนภาษาพูด to be crazy about
หรือสำนวนสแลง to have a crush on
ซึ่งมักใช้กับหนุ่มสาววัยรุ่นที่คลั่งไคล้ใครต่อใครโดยที่ผู้นั้นไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไป
..........To care for นอกจากนั้นยังมีคำกริยา to care for ซึ่งแปลว่ารักใคร่หรือชอบก็ได้
เช่น She really cares for her husband. เธอรักสามีเธอจริงๆ
I don't care for cigars. ฉันไม่ชอบซิการ์
ในภาษาอังกฤษ ถ้าจะพูดว่า to love เฉยๆ เช่น He love her. ก็จะไม่หนักแน่นเท่าใดนัก
จึงมีการคิดหาคำพูดให้หนักแน่นเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น เช่น
to fall in love with
to be in love with
to be gone on
to be soft about
..........สำนวน to be gone on นั้น คล้ายกับจะหมายความว่า รักอย่างถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว
ส่วน to be soft about นั้น แปลว่ารักอย่างคลั่งไคล้ เพราะคำว่า soft ในที่นี้แปลว่า คลั่งไคล้
..........Heartwhole ยังมีกริยาที่เป็นสำนวนอีกคำหนึ่ง คือ to lose one's heart to แปลว่า รัก
ถ้าเทียบกับไทยก็ว่ามอบดวงใจให้ คนที่ยังไม่รักใครเลย ฝรั่งเรียกว่า heartwhole คือหัวใจยังเป็นปกติอยู่
แต่สำนวน to lose one's heart นี้ต้องไม่ใช้ปนกับ to lose heart ซึ่งแปลว่าท้อแท้ใจ หรือหมดกำลังใจ
..........To be attached to แปลว่ารักใคร่สนิทไม่ยอมห่าง
เช่น She is attached to her old mother. คำนี้ไม่มีความหมายในเชิงชู้สาว แต่เป็นไปในทางความรู้สึกผูกพัน
เพราะฉะนั้นจึงใช้ได้ในกรณีต่างๆ เป็นต้นว่าลูกศิษย์กับอาจารย์ หรือเพื่อนต่อเพื่อน
..........To be devoted to อีกคำหนึ่งที่มีความหมายใกล้เคียงกัน ก็คือ to be devoted to
ซึ่งหมายถึงรักอย่างทุ่มเทจิตใจ และเสียสละได้ทุกอย่าง
เช่น She is a mother who is devoted to her children. คำนาม devotion จึงแปลว่าความรักอย่างอุทิศตน
..........To adore คำกริยาในภาษาอังกฤษที่แปลว่า "รัก" อีกคำหนึ่งเป็นคำที่น่าสนใจเป็นพิเศษ
คือ To adore คำนี้แปลว่า "รักอย่างบูชา" และเป็นคำที่ตามธรรมดาใช้กับพระเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ
แต่เมื่อมาใช้กับคนก็แปลว่ารักอย่างทูนหัวทูลเกล้าฯเลย
จากคำกริยา to adore ก็ได้คุณศัพท์ adorable แปลว่าน่าเทิดทูนบูชา
แต่ในภาษาธรรมดาสมัยนี้มักจะเอาคำนี้มาใช้กับผู้หญิง
..........To admire คำกริยาอีกคำหนึ่ง คือ to admire ซึ่งความหมายตามธรรมดาก็คือ มองดูด้วยความชื่นชมยกย่องที่ในภาษาไทยพูดสั้นๆ ว่าชม
เช่น We are admiring your beautiful house. เรากำลังชมบ้านอันงามของท่านอยู่
ความหมายอีกอย่างหนึ่งก็คือ "ยกย่อง"
เช่น We can't help admiring your system of government. เราอดยกย่องระบอบการปกครองของท่านไม่ได้
แต่คำ to admire นี้เมื่อมาใช้กับผู้หญิงก็หมายถึง "ติดเนื้อต้องใจ"
เช่น That girl has many admirers. ผู้หญิงคนนั้นมีผู้มาติดพันมากมาย
อย่างที่ภาษาสแลงไทยสมัยใหม่เรียกว่ามี "แฟนมาก" admirer ก็คือ "แฟน" นั่นเอง
..........Fan "แฟน" ที่เราเอามาใช้นั้น ในภาษาอังกฤษเขาไม่ได้หมายถึงคนที่มาติดพันผู้หญิง
หากหมายถึงคนที่คลั่งไคล้อะไรสักอย่างหนึ่ง
เช่น boxing fans คนที่คลั่งมวย
football fans คนที่คลั่งฟุตบอล
จริงอยู่ผู้หญิงก็มี fan ได้เหมือนกัน แต่ต้องเป็นด้วยความสามารถในด้านใดด้านหนึ่ง
เช่น ดาราภาพยนตร์ นักร้อง นักแสดงละคร นักประพันธ์ ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตาสวย
ผู้ที่มาติดพันผู้หญิงเพราะรุปโฉมโนมพรรณจึงควรเรียกว่า admirer ไม่ใช่ fan
..........Dangling round ยังมีอีกคำหนึ่งคือ beau ซึ่งสมัยนี้ออกจะครึไปเสียแล้ว
หมายถึงผู้ชายที่มาติดพันเหมือนกัน
อนึ่ง กริยาที่ว่าติดพัน หรือตอมผู้หญิงนั้น ในภาษาอังกฤษใช้ว่า to dangle round
เช่น She always has a lot of young men dangling round her. เธอมีหนุ่มๆ มาตอมเสมอ
..........Affection ที่กล่าวมานี้เป็นคำกริยาส่วนใหญ่
แต่ในภาษาอังกฤษยังมีคำๆ หนึ่งเป็นคำนามแปลว่า ความรักใคร่ คือ affection
คำนี้น่าสนใจ และน่าจะนำมาเทียบกับคำว่า love
ได้กล่าวมาแล้วว่า คำว่า love นั้น เป็นคำกว้างหมายถึงความรักทั่วไปก็ได้ ความรักระหว่างเพศก็ได้
จึงผิดกับ affection ซึ่งหมายถึงความรักใคร่อย่างญาติ หรือเพื่อน โดยไม่มีเรื่องเพศเข้าเจือปน
จริงอยู่ผัวเมียอาจมี affection ต่อกันก็ได้ นอกเหนือไปจาก love
และอันที่จริงผัวเมียที่อยู่ด้วยกันนานๆ ความรัก คือ love ซึ่งมีอารมณ์เพศผสมอยู่ด้วยเป็นส่วนใหญ่นั้น
ก็มักกลายเป็น affection คือความรักใคร่เอ็นดู คำนี้จึงเป็นคำสำคัญอยู่
..........Passionate Love นอกจากนั้นยังมีคำที่ควรพูดถึงอีกคำหนึ่ง
คือ passion แปลว่า ความรู้สึกอันร้อนแรง ซึ่งอาจแทนความรักอันร้อนแรงก็ได้
แต่ในบางกรณีก็หมายถึง ความเกลียด หรือโกรธอย่างรุนแรง
คำที่ใช้เป็นคุณศัพท์ ก็กลายรูปเป็น passionate ซึ่งถ้าเอามาประกอบกับ love
เป็น passionate love ก็หมายถึงความรักอย่างร้อนแรง
แต่ถ้าใช้โดยทั่วไป ก็หมายถึง มีความรู้สึกอย่างร้อนแรง ไม่ว่ารักหรือเกลียด
เช่น She has a passionate nature. เธอเป็นคนมีความรู้สึกรุนแรง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น