วันจันทร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

สัตตภัณฑ์

สัตตภัณฑ์

..........ในบริบททางวัฒนธรรมล้านนา หมายถึง เชิงเทียนที่ใช้ในการบูชาพระประธานในวิหาร ซึ่งอาจจำแนกออกตามรูปลักษณ์เป็น 2 แบบ คือ


แบบที่มีลักษณะคล้ายขั้นบันไดซึ่งมีที่สำหรับปักเทียนลดหลั่นกันลงมาได้ 7-9 ที่


และแบบที่เป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่วซึ่งจะมีที่สำหรับปักเทียนไล่จากยอดถึงฐานทั้งสองด้านรวม 7 ที่


ทั้งนี้สัตตภัณฑ์แบบสามเหลี่ยมนั้นมักพบทั่วไปในแถบจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง และเชียงราย ส่วนสัตตภัณฑ์แบบขั้นบันไดนั้นมักจะพบในท้องที่ของจังหวัดแพร่ และจังหวัดน่าน หรืออาจสรุปได้อย่างกว้าง ๆ ว่า สัตตภัณฑ์แบบสามเหลี่ยมนั้นมักพบทั่วไปในเขตของคนเผ่าไทยวน และสัตตภัณฑ์แบบขั้นบันไดมักพบในละแวกของกลุ่มชนเผ่าไทลื้อเป็นอาทิ


..........คำว่า "สัตตภัณฑ์" นี้ มีผู้ให้ความหมายเป็น 2 แนว
ซึ่งแนวแรกพบจากที่ ดร.วอลเดมาร์ ซี.ไซเลอร์ สัมภาษณ์จากพระผู้ใหญ่ในจังหวัดเชียงใหม่จำนวนหนึ่ง กล่าวว่า สัตตภัณฑ์ หมายถึง พุทธปรัชญาหรือหลักปฏิบัติในพุทธศาสนาอันหมายถึงโพชฌงค์ 7 สัทธัมมะ 7 หรือสัปปุริสธัมมะ 7


และแนวที่สองมีความเห็นว่าหมายถึงทิวเขาทั้ง 7 ที่เรียงรายลดหลั่นล้อมรอบเขาพระสุเมรุ


..........สำหรับแนวความคิดเรื่องทิวเขาซึ่งอยู่ล้อมรอบเขาพระสุเมรุนี้ ในขั้นแรกเห็นว่าสัมพันธ์กับคติความเชื่อด้านจักรวาลวิทยาพุทธศาสนาซึ่งปรากฏชัดเจน อย่างน้อยที่สุดก็พบใน "จักกวาลทีปนี" ซึ่งเป็นผลงานนิพนธ์ชิ้นสำคัญชิ้นหนึ่งของพระสิริมังคลาจารย์ซึ่งเป็นปราชญ์แห่งเชียงใหม่ ในยุคประมาณ พ.ศ.2100 และเท่าที่พบในรูปศิลปวัตถุซึ่งตกทอดมานั้น ยังปรากฏเป็นทิวเขาสัตตภัณฑ์จำลองหล่อด้วยโลหะ ซึ่งใช้เป็นเครื่องบูชาแก่มหาเจดีย์แห่งนครหริภุญชัย และโดยเฉพาะพระพุทธบาทจำลองทำด้วยไม้ทาชาดประดับมุก ซึ่งลายพระบาทเป็นแผนผังจักรวาล โดยมีอักษรล้านนากำกับจุดสำคัญต่าง ๆ รวมทั้งทิวเขาสัตตภัณฑ์ไว้อย่างชัดเจน จากรอยพระพุทธบาทจำลองนี้สะท้อนให้เห็นว่าจักรวาลอันยิ่งใหญ่นี้ยังเล็กกว่าฝ่าพระบาทของพระพุทธองค์ กล่าวคือ พระพุทธองค์สามารถย่างเหยียบไปบนแต่ละจักรวาลในหมื่นแสนสหัสโลกธาตุได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นการที่จะใช้ทิวเขาแต่ละทิวรอบเขาพระสุเมรุอันเป็นศูนย์กลางจักรวาลเพื่อเทิดไว้ซึ่งพุทธบูชานั้น ย่อมจะงดงามด้วยประการทั้งปวงในแง่ของอามิสบูชา


..........ในแง่โลกสัณฐานนั้น จักรวาลแต่ละจักรวาลมีลักษณะเหมือนถาดเหล็กแบนที่ขังน้ำไว้ในสภาพเป็นทะเลน้ำเค็มกึ่งกลางถาดน้ำเค็มนั้นมีเขาพระสุเมรุทรงสัณฐานเหมือนตะโพนสูง 84,000 โยชน์ ตั้งอยู่บนภูเขาสามเส้า รอบเขาพระสุเมรุซึ่งล้านนาเรียกว่า "สิเนรุ" หรือ "สิเนโร" นั้น มีทิวเขา 7 ทิว ล้อมรอบเป็นวงกลมลดหลั่นกันลงมาจากทิวเขาด้านในสุดถึงทิวนอกสุดชื่อ "ยุคันธร อิสินธร กรวิก สุทัสน์ เนมินธร วินันตกะ และอัสสกัณณ์"


..........ทั้งนี้ทิวเขาแต่ละทิวจะมีความสูงเป็นครึ่งหนึ่งของเขาซึ่งอยู่ด้านในของตน กล่าวคือทิวเขายุคันธรจะสูงเพียงครึ่งหนึ่งของเขาพระสุเมรุ และทิวเขาอัสสกัณณ์จะสูงเพียงครึ่งหนึ่งของทิวเขาวินันตกะ เป็นต้น ในโลณสาครหรือทะเลน้ำเค็มนั้น จะมีทวีปหรือเกาะใหญ่ อยุ่ 4 เกาะ คือ อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีป ชมพูทวีป และอมรโคยานทวีป ในทิศเหนือ ตะวันออก ใต้ และตะวันตกของทิวเขาสัตตภัณฑ์ และยังมีทวีปน้อยซึ่งเป็นบริวารของทวีปทั้ง 4 อีกทวีปละ 500 ทั้งหมดนี้เป็นลักษณะของจักรวาลอย่างคร่าว ๆ และทั้งหมดนั้นถือว่าเขาพระสุเมรุและเขาสัตตภัณฑ์เป็นศูนย์กลางแห่งจักรวาล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น