อย่าขโมยความฝันเด็ก
*******************************
******   เก็บตกฟอร์เวิร์ดเมล์ดีๆ 
ที่มีผู้แปลจากบทความเรื่อง follow your dreams มาฝาก 
เรื่องดีๆ แบบนี้อย่าเพิ่งผ่านตาไปนะครับ อยากให้ติดตามอ่านจนจบ
...   เด็กชายอายุ 16 ปีคนหนึ่งชื่อว่า "มอนตี้" 
คุณครูสั่งให้เขียนเรียงความเรื่อง "โตขึ้นอยากเป็นอะไร" 
มอนตี้ก็เขียนบรรยายไป 7 หน้ากระดาษถึงความฝันของเขาที่จะเป็นเจ้าของคอกม้า 
พร้อมด้วยบ้านพื้นที่ 4,000 ตารางฟุต บนเนื้อที่ 200 เอเคอร์ 
เขาบรรยายพร้อมกับวาดแผนผังแสดงรายละเอียดไว้ทุกๆ ส่วน 
แต่เมื่อเขานำไปส่ง กลับได้คะแนน F และถูกคุณครูเรียกให้ไปพบหลังเลิกเรียน
...   มอนตี้เข้าไปพบคุณครู และถามว่าทำไมเรียงความของเขาถึงได้ F 
ก็ได้รับคำตอบว่าสิ่งที่เขาเขียนนั้นมันเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 
เพราะมันต้องใช้เงินมากมายเกินกว่าฐานะของครอบครัวของมอนตี้จะสามารถทำได้ 
แม้ว่ามอนตี้จะชี้แจงให้ฟังว่ามันเป็นแค่ความฝันของเขา 
แต่คุณครูไม่รับฟัง และขอให้มอนตี้ไปเขียนเรียงความมาใหม่ 
โดยขอให้เขียนถึงเรื่องที่มันพอจะเป็นไปได้บ้าง แล้วจะแก้คะแนนให้
...   มอนตี้กลับบ้าน และนำปัญหานี้ไปปรึกษากับพ่อของเขา 
ซึ่งพ่อก็ให้คำตอบว่า 
"เรื่องนี้พ่อคงช่วยอะไรลูกไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของลูกเอง 
แต่พ่อมีความรู้สึกบางอย่างว่า 
การตัดสินใจของลูกครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่ออนาคตของลูกอย่างแน่นอน"
...   มอนตี้ใคร่ครวญกับเรื่องนี้อยู่เป็นสัปดาห์ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจได้ 
เขานำเรียงความเรื่องเดิมไปส่งคุณครูพร้อมกับพูดว่า 
"ให้คะแนน F กับผมก็แล้วกัน ผมจะรักษาความฝันของผมไว้"
...   มอนตี้เล่าเรื่องนี้ให้กับผู้มาเยือนฟัง พร้อมกับกล่าวว่า 
"ที่ผมเล่าเรื่องนี้ให้พวกคุณฟัง เพราะว่าขณะนี้คุณกำลังนั่งอยู่หน้าเตาผิงในบ้าน 
พื้นที่ 4,000 ตารางฟุต ตั้งอยู่กลางคอกม้าเนื้อที่ 200 เอเคอร์ 
และเรียงความ 7 หน้ากระดาษนั้นได้ใส่กรอบเรียงอยู่เหนือเตาผิง"
...   เขาเล่าต่อว่า "ที่ดีที่สุดของเรื่องนี้ก็คือ 
ในวันหนึ่งของฤดูร้อนเมื่อสองปีที่แล้วคุณครูคนเดิมพาเด็กนักเรียน 30 คน
มาพักค้างแรมที่นี่เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ 
ก่อนจากไปท่านพูดกับผมว่า 
ครูเสียใจนะที่ครูได้ขโมยความฝันของเด็กๆ ไปตั้งมากมาย 
แต่ครูก็ดีใจที่เธอไม่ยอมให้ครูขโมยความฝันของเธอ"...
***********************************
สรุปว่า "ผิดเป็นครู" ยังเป็นคำก้องในหูและสมองของผมไปตลอดชีวิตเลยนะเนี่ย
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น