คำถาม -
ขอเรียนถามว่า
1. ทำไมแม่ตั้งครรภ์จึงไม่ควรปล่อยให้ท้องว่างคะ
ดิฉันเป็นคนที่กินอาหารเป็นเวลาไม่แพ้ท้อง
มีบางครั้งช่วง 4 โมงเช้าหรือตื่นมาเข้าห้องน้ำดึก ๆ จะแสบท้องหิว
แต่ก็ไม่ค่อยเป็นบ่อย เพราะแต่ละมื้อดิฉันจะทานจนอิ่ม
นมก็ดื่มหลังข้าวเช้าวันละกล่อง จะมีผลอย่างไรคะ
2. ช่วงตั้งครรภ์ได้ 30 สัปดาห์ดิฉันนั่งรถมอเตอร์ไซค์ ระยะทาง 8 กม.
ตลอดทางเป็นดินลูกรังมีฝุ่นมาก ดิฉันกลั้นหายใจเป็นช่วง ๆ
ช่วงละ 10 วินาที เห็นจะได้ พอมาถึงบ้านรู้สึกเหนื่อยมาก
และวันต่อมาลูกก็ไม่ดิ้นหรือถ้าดิ้นก็เบามาก
พอไปเช็กที่อนามัยหัวใจก็เต้นดีแต่พอสัปดาห์ที่ 36 ไปเช็ก
คุณหมอบอกว่าน้ำหนักดิฉันลดลง 1 กก. และเขียนผลว่า REACTIVE
หมายความว่าอย่างไรคะ ดิฉันกลัวลูกจะสมองพิการ มีโอกาสเป็นไปได้มั้ย
คำตอบ -
1. โดยปกติแม่ตั้งครรภ์มักจะมีปัญหาของระบบทางเดินอาหาร
กล่าวคือระบบทางเดินอาหารมักจะทำงานช้าลง ผลก็คือจะมีอาการท้องอืด
มีลมในท้อง อาการเหมือนอาหารไม่ย่อย ท้องผูก จุกเสียดบ่อย ๆ
(นอกเหนืออาการแพ้ท้องที่พบได้บ่อย) ดังนั้นแม่ตั้งครรภ์บางคน
จึงกินอาหารได้น้อยในแต่ละมื้อ ในกรณีนี้แพทย์จึงแนะนำให้คุณแม่
กินแต่น้อยแต่ให้เพิ่มจำนวนมื้อแทน เป็นการชดเชยปริมาณที่กินได้น้อยในแต่ละมื้อ
เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้เป็นแม่และทารกในครรภ์ด้วย
ในกรณีของคุณซึ่งเป็นคนกินอาหารเป็นเวลา
และไม่มีปัญหาของปริมาณที่กินแต่ละมื้อ คุณแม่ก็สามารถกินอาหารตามเวลา
อันเป็นปกติของคุณต่อไปตามเดิม ไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับการกินอาหารในมื้ออื่น ๆ
2. การกลั้นหายใจเป็นระยะสั้น ๆ ของคุณแม่คงเป็นสาเหตุทำให้คุณรู้สึกอ่อนเพลีย
ขณะเดียวกันย่อมจะมีผลทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดของคุณลดลงเป็นช่วง ๆ
ตามการกลั้นหายใจของคุณ ทำให้ปริมาณออกซิเจนที่ส่งผ่านไปถึงทารกในครรภ์
มีปริมาณลดลง ซึ่งอาจทำให้ทารกในครรภ์มีการดิ้นลดลงได้
แต่เนื่องจากการกลั้นหายใจของคุณไม่ได้เกิดขึ้นเป็นเวลานาน
จึงไม่น่าจะมีผลรุนแรงต่อทารกในครรภ์
จะเห็นได้ว่าการเต้นของหัวใจ เมื่อคุณไปตรวจที่อนามัยเป็นปกติ
ส่วนการตรวจที่หมอเขียนว่า REACTIVE นั้น
เข้าใจว่าเป็นการตรวจสุขภาพของทารกในครรภ์เรียกว่า NST
ซึ่งผลที่ได้หมายถึงว่าเป็นปกติ ดังนั้นผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงไม่น่ารุนแรงแต่อย่างใด
คิดว่าคุณแม่ไม่ควรกังวลใจมากจนเกินไป
ควรจะไปฝากครรภ์ตามนัดและบำรุงสุขภาพของคุณเพื่อเตรียมพร้อม
สำหรับการเป็นแม่ที่จะมาถึงในเวลาอีกไม่นานนี้จะดีกว่านะครับ
*************************************************
น.พ.ชาญวิทย์ พันธุมะผล
*************************************************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น