คำถาม
ลูกอายุ 4 ขวบแล้วค่ะ ปกติจะร่าเริง มีน้ำใจและชอบแบ่งปัน รักและช่วยเหลือคนรอบข้างเสมอ แต่ถ้าเวลาถูกขัดใจ หรือถูกดุ เขาจะโกรธแม่ทันที และจะพูดว่าแม่ไม่รักหนูแล้ว ต่อไปนี้หนูจะไม่รักแม่เหมือนกัน นอกจากนี้ยังชวนน้อง (2 ขวบ) พากันโกรธแม่อีก (น้องจะรักและมีพฤติกรรมเลียนแบบพี่มากกว่าแม่เสียอีก) ซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ถึงแม้แต่เป็นการดุหรือห้ามเพียงเล็กน้อย
กลัวว่าถ้ายิ่งโตเป็นสาว จะสอน จะดุไม่ได้เลย คุณครูและผู้ใหญ่หลายคนที่เห็นต่างพูดว่า เด็กคนนี้ฉลาดมาก แต่ต้องสอนดีๆ ซึ่งทำให้กังวลมากค่ะ เรื่องรักลูกและเลี้ยงลูกเรื่องสุขภาพร่างกายไม่ใช่ปัญหา แต่เรื่องสอนลูกให้ดี โดยไม่บังคับและเด็กเต็มใจนี้เป็นเรื่องไม่ง่ายเลยนะคะ
คำตอบ
การที่เด็กเป็นเช่นนี้ เพราะเด็กก่อนวัย 10 ขวบ ยังเข้าใจอะไรไม่ได้มากนัก เด็กยิ่งเล็กยิ่งจะรับรู้และเข้าใจและคิดในทางเดียวเท่านั้น แม้ว่าโตขึ้นเลย 8 ขวบ จะยังพอคิดเข้าใจมากขึ้นได้ก็ตาม เด็กจะแปลว่าการที่เราขัดใจก็ดี เราดุเขาก็ดีแปลว่าเราไม่รักเขา การที่เราให้เขาไปโรงเรียนแปลว่าเราไม่รักเขา เรารักน้องมากกว่า (เพราะน้องอยู่บ้าน) หรือการที่เราจากเขาไปธุระก็แปลว่าเราทอดทิ้งเขา เป็นต้น
เด็กต่อจะให้ฉลาดอย่างไร เขาก็ยังเป็นเด็กที่คิดและแสดงออกหรือมีการกระทำอย่างเด็กๆ เด็กฉลาดก็จะมีวิธีพูด วิธีประท้วง วิธีแสดงออกได้หลายอย่าง มีการทดสอบสูง เขาจะสังเกตและรู้ว่าทำอย่างไรผู้ใหญ่จึงยอม ทำอย่างไรเขาจะเอาชนะได้ เขาจะช่างสังเกต เขาจะช่างจดจำ ขอคุณอย่าไปคิดหรือกลัวว่าจะดุจะว่าลูกไม่ได้ ข้อสำคัญขอให้คุณมีเหตุผล มีความหนักแน่นและไม่ใช้อารมณ์ตัดสิน หรือหลอกลูกเพียงเพื่อให้ผ่านพ้นๆ ไป
ถ้าคุณดุในสิ่งที่ควรดุ หรือต้องขัดใจในสิ่งที่เหมาะสม เช่น ออกไปเล่นกลางแดดจัดๆ ยามเที่ยงวันไม่ได้ หรือขณะนี้ถึงเวลาที่เข้านอนแล้ว คุณก็ต้องสื่อไปยังลูกตามความเป็นจริง และเอาจริงกับสิ่งที่เราพูด เด็กจะมีปฏิกิริยานั้นเป็นเรื่องปกติ เขาจะโกรธไม่พอใจ หรือ พูดอย่างไรนั้น ก็แสดงถึงอารมณ์ของเขา ซึ่งเราจะไม่ตอบโต้ เราเพียงพูดว่า แม่ก็เห็นใจที่ลูกกำลังสนุกแล้วจะต้องมาเลิกเล่น แต่เราก็ต้องปฏิบัติตามเวลาตามกติกา เพื่อจะได้มาเล่นหรือมาทำกันใหม่พรุ่งนี้ ขอคุณอย่าไปวิตกทุกข์ร้อน แก้ตัวหรือตอบตอบโต้เป็นอารมณ์ ทำเฉยเสีย ถ้าเขาชวนน้องโกรธ ก็ไม่ต้องไปสนใจ เพียงแต่เราบอกความรู้สึกของเราที่เราเข้าใจว่า "แม่รู้ว่าทำอย่างนี้หนูไม่ชอบ แม่ก็เสียใจเหมือนกัน" ในเวลาอื่นๆ ก็เป็นเวลาที่ดีต่อกันอย่างคุณแม่เล่ามา
เด็กๆ ต้องการพ่อแม่ เขาต้องการเห็นพ่อแม่เข้มแข็ง ไม่อ่อนแอ หรืออ่อนไหวง่ายตามอารมณ์และอาการของเขา เขาต้องการหลักที่พึ่ง ต้องการความมั่นคง มั่นใจ ไม่ว่าเขาจะฉลาดอย่างไร เขาก็ต้องการความรักความเข้าใจจากพ่อแม่ พ่อแม่หลายคนมีการศึกษาน้อยกว่าลูก ลูกจบปริญญาเอก แต่เขาก็เคารพพ่อแม่ ให้เกียรติพ่อแม่ ไม่ดูถูก ถ้าเราเลี้ยงเขามาดี ขอให้คุณเลี้ยงลูกด้วยความมั่นใจฝึกหัดเขา อบรมเขาให้เขาช่วยเหลือ ให้เขาฝึกงาน มีความเข้าใจชื่นชมกัน ที่ถูกต้อง อย่าไปห่วงกังวลเกินไปกับความฉลาดของลูก
หมอเคยพบพ่อแม่ที่หลงลูก เพราะลูกตนฉลาด ซึ่งก็ฉลาดจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ว่าเขาตามลูกทุกอย่าง ไม่ว่าลูกจะพูดจะทำอะไร จะเถียงอะไร จะเห็นดีเห็นงามไปหมด จนเด็กใช้ความฉลาดผิดทาง เขาเรียนหนังสือเก่ง แต่กลายเป็นคนกะล่อน หาความจริงใจไม่ได้ หลอกล่อพ่อแม่ได้หมดเพื่อให้ได้มาที่เขาต้องการ พ่อแม่จะว่าครูและคนอื่นๆ สู้ลูกไม่ได้ เขาดุไม่เป็น ห้ามไม่เป็น ปล่อยตามใจลูกจนเหลิง ในที่สุดเด็กที่ฉลาดเลยกลายเป็นเด็กที่ใช้ความฉลาดไม่ถูกต้อง การเรียนก็เสีย ประพฤติเกเรไปเลยก็มี
การดุหรือห้ามในสิ่งที่ถูก ที่ควร ที่เป็นเหตุ เป็นผลนั้นถูกต้องแล้ว ไม่ต้องหวั่นไหว คุณแม่ควรมั่นใจในการกระทำของคุณ ลูกจะค่อยๆ เรียนรู้ไป แล้วในที่สุดเขาจะแยกแยะได้ ระหว่างความรักที่ถูกต้องกับความรักที่ผิด พ่อแม่บางคนบอกลูกว่า เพราะเป็นลูกที่เรารักเราห่วงจึงต้องดุ ต้องสอน หนูเห็นไหมเด็กอื่นๆ ทำผิด แม่ไม่ได้ว่าเขา เพราะเขาไม่ใช่ลูก "เมื่อเป็นลูกแม่ก็ต้องได้รับการดูแลอบรมเพื่อให้เป็นคนดี" คุณแม่จะต้องยืนหยัดในความรักของคุณ ที่กอร์ปไปด้วยคุณธรรมและความเข้มแข็ง และสื่อไปให้เขารู้ ให้เวลาเขา ไม่ไปตอบโต้เป็นอารมณ์กัน วันหนึ่งลูกก็จะภาคภูมิใจในตัวแม่ เหมือนคุณแม่ก็จะชื่นชมภูมิใจในตัวเขา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น