วันอังคารที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เจดีย์ขาว (เจดีย์กิ่ว) จังหวัดเชียงใหม่

เจดีย์ขาว (เจดีย์กิ่ว) จังหวัดเชียงใหม่

..........เรื่องมีอยู่ว่า...สมัยโบราณกาลมีข้าศึกจากตอนใต้ (ไม่ใช่มาจากปักษ์ใต้) ยกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ โดยข้าศึกมีกองทัพที่มีแสนยานุภาพมากกว่าฝ่ายเชียงใหม่มาก ฝ่ายเชียงใหม่ถ้าสู้ก็คงแพ้แน่ จึงต้องหาทางใช้วิธีอื่นในการปกป้องเมืองเชียงใหม่
..........สุดท้ายจากการชิงไหวชิงพริบกัน ฝ่ายข้าศึกเห็นว่าเมืองเชียงใหม่อยู่ทางตอนเหนือ คงจะไม่มีผู้ใดดำน้ำได้เก่งอย่างแน่นอน
..........ฝ่ายข้าศึกจึงประกาศท้าแข่งขันดำน้ำชิงเมือง ณ บริเวณริมฝั่งแม่น้ำปิง โดยให้เจ้าเมืองเชียงใหม่เอาเมืองเป็นประกัน ทางเชียงใหม่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้จำใจต้องรับข้อเสนอนี้
..........ตำนานเจดีย์กิ่ว เจดีย์ขาวที่ตั้งอยู่ตรงสามแยก บริเวณหน้าเทศบาลเมืองเชียงใหม่ มีเรื่องเล่ากล่าวขานสืบต่อกันมา เกี่ยวกับประวัติของเจดีย์อยู่หลายตำนาน แต่มีอยู่ 2 เรื่อง ที่น่าเชื่อถือ และเล่ากันมานาน ก็คือ เจดีย์นี้ถูกสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ชายคนหนึ่ง (ลุงเปียง) ซึ่งสละชีวิตเพื่อรักษาศักดิ์ศรีของชาติบ้านเมือง
..........เรื่องนี้เกิดขึ้นมาในสมัยไหนไม่ปรากฏชัด แต่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งที่ ล้านนายังไม่ได้รวมกับสยาม มีเชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของล้านนา จะมีชาวใต้มาท้าแข่งอะไรต่อมิอะไรอยู่ร่ำไป โดยส่วนใหญ่ชาวเชียงใหม่ก็จะเอาชนะได้อยู่ตลอด พวกชาวใต้ก็จะล่าถอยกลับไป จนอยู่มาวันหนึ่ง พวกชาวใต้ก็พากันเดินทางมาท้าชาวเชียงใหม่อีก แต่คราวนี้ท้าว่าใครจะดำน้ำได้ทนกว่ากัน ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าชาวใต้นั้นอยู่ติดทะเลมีอาชีพเป็นชาวประมงก็มาก วัน ๆ ก็ดำน้ำหาหอยหาปูจนชำนาญ ส่วนชาวเชียงใหม่นั้นเป็นคนดอน เรื่องดำน้ำไม่ค่อยชำนาญเท่าใดนัก พอชาวใต้มาท้าเช่นนั้นก็พากันวิตกว่าจะแพ้ชาวใต้กันก็คราวนี้ พระเจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ในขณะนั้น ก็ทำการป่าวประกาศหาผู้ที่จะอาสาเข้ามาแข่งขันกับชาวใต้ แต่ก็ไม่มีผู้ใดอาสาเข้ามาเนื่องจากไม่มีใครเชี่ยวชาญการดำน้ำ จนในที่สุดก็มีชายคนหนึ่งชื่อลุงเปียง เข้าเฝ้าพร้อมกับอาสาเข้าแข่งขันดำน้ำกับชาวใต้
..........พอวันแข่งขันมาถึง ก็ไปแข่งขันกันที่แม่น้ำปิง ตรงบริเวณที่เป็นที่ตั้งของเจดีย์ขาวในปัจจุบัน ชาวใต้ก็เริ่มดำน้ำก่อน โดยดำหายไปนานสองนาน ในตำนานไม่ได้กล่าวไว้ว่ากี่นาที แต่ก็นานจนเป็นที่น่าวิตกว่าชาวเชียงใหม่จะสู้เขาไม่ได้ พอถึงเวลา ชายชาวเชียงใหม่คนนั้น ซึ่งอยู่ในชุดกางเกงขาสั้นพร้อมผ้าขาวม้าคาดเอวก็เข้ามาถวายบังคมลาหน้าพระที่นั่ง แล้วก็เดินไปริมฝั่งน้ำปิง แล้วกระโดดหายไป จนเวลาร่วงเลยไปสามวัน ชายคนนั้นก็ยังไม่โผล่ขึ้นมา พวกชาวใต้ก็จนปัญญา ยอมรับความพ่ายแพ้ ล่าถอยกลับไป
..........พระเจ้าผู้ครองเมืองเชียงใหม่ สงสัยเป็นยิ่งนัก ว่าชายคนนั้นหายไปไหน จะว่าจมน้ำตายไปแล้ว ก็ไม่เห็นศพลอยขึ้นมา ก็เลยให้คนดำน้ำลงไปดู ก็ปรากฏว่า พบชายคนนั้นใช้ผ้าขาวม้า มัดตัวเองติดกับเสาหลักใต้น้ำจนจมน้ำตาย ยอมเสียสละตัวเอง เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของชาวเชียงใหม่ไว้
..........จึงโปรดให้สร้างเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ถึงการเสียสละที่ยิ่งใหญ่ครั้งนั้นไว้ เจดีย์นี้ปัจจุบัน ตั้งอยู่บริเวณที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่น แต่ก็ไม่มีใครกล้าที่จะคิดย้ายเจดีย์นี้ จึงมีปรากฏอยู่ตรงกลางสามแยกเทศบาลเมืองเชียงใหม่จนถึงทุกวันนี้
..........อีก 1 เรื่องที่พอที่จะเชื่อถือได้คือ เจดีย์ขาว หรืออีกชื่อ เจดีย์กิ่ว หลักฐานการปรากฏมีไม่แน่ชัด แต่ก็มีตำนานเล่าขานกันมาสร้างขึ้น เพื่อเป็นการรำลึกถึงลุงเปียงในวีรกรรมรักชาติ ที่ยอมสละชีวิตเพื่อบ้านเมืองของตน ลุงเพียงคือคนที่รักชาติ เมื่อมีกษัตริย์พม่ายกพลมาล้อมเมืองเชียงใหม่ และให้จัดหานักประดาน้ำไปแข่งดำน้ำพนันกับชาวพม่า โดยว่าหากชาวเชียงใหม่ดำน้ำได้ทนกว่าก็จะยกทัพกลับไป พอสรรหานักดำน้ำตัวเก่งทั่วเมืองเชียงใหม่ไม่มี ลุงเปียงคนนี้เลยขออาสาดำน้ำแข่งกับพวกพม่าแทน สถานที่แข่งดำน้ำจัดอยู่ใกล้ที่ตั้งเจดีย์ขาวริมแม่น้ำปิง โดยให้จัดหาหลักสองอันปักลงไปในน้ำ เว้นระยะไม่ให้ใกล้กันมาก เมื่อถึงเวลา ลุงเปียงในชุดกางเกงขาสั้น ผูกผ้าขาวม้าไว้ที่เอว ก็ประจำการตรงเสาปักพร้อมฝั่งพม่า นายทัพในฐานะกรรมการให้สัญญาณว่าดำได้ ก่อนทั้งคู่หายลงไปในน้ำ เมื่อเวลาผ่านไปนานนาน จนคนที่อยู่บนฝั่งรอกัน ในที่สุดนักดำน้ำชาวพม่าก็โผล่ขึ้นมาสร้างความโล่งใจแก่ชาวเชียงใหม่เป็นอย่างยิ่ง ที่เหลือก็แค่รอลุงเปียงโผล่หัวขึ้นมา การันตีพร้อมชูมือเป็นฝ่ายชนะ
..........แต่พอเวลาผ่านไปนานมากแล้ว ลุงเปียงก็ยังไม่ยอมโผล่ขึ้นจากน้ำ ทุกคนบนฝั่งให้ความเห็นว่าชาวเชียงใหม่เป็นฝ่ายชนะแล้ว จึงให้คนดำน้ำลงไปตามลุงเปียงขึ้นมาก อนิจจา แทนที่จะเจอลุงเปียงประกาศศักดาชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ กลับเจอแค่ร่างที่ไร้วิญญาณของลุง ที่แกใช้ผ้าขาวม้าตัวเองผูกไว้กับหลักตายอยู่ในลำน้ำปิง และเพื่อเป็นอนุสาวรีย์แก่ความเสียสละของลุงเปียง เจ้าเมืองเชียงใหม่จึงให้สร้างเจดีย์ขาวที่ริมฝั่งแม่ปิงขึ้น
..........นอกจากตำนานเรื่องของลุงเปียงแล้ว ยังมีผู้คิดว่าเจดีย์ขาวอาจเป็นสถูปบรรจุอัฐิของบุคคลสำคัญชาวพม่าในครั้งที่มาครอบครองนครเชียงใหม่ในช่วง พ.ศ. 2101- 2371 ก็ได้ ทั้งนี้เพราะเจดีย์ขาวไม่มีลักษณะและความสูงเหมือนเจดีย์ที่เป็นปูชนียวัตถุทั่วไป บางคนก็เล่าอีกว่าเจดีย์ขาวเป็นเครื่องหมายบอกว่าด้านล่างของเจดีย์ดังกล่าวเป็นปากอุโมงค์ที่ทอดยาวมาจากอุโมงค์ใต้ฐานเจดีย์หลวงที่อยู่กลางเมืองอีกด้วย
..........นับได้ว่าเรื่องราวของเจดีย์ขาวมีความน่าสนใจเป็นอย่างยิ่งหากมองแค่เพียงผิวเผินอาจจะเป็นแค่เจดีย์ขาวขนาดย่อมที่เป็นเหมือนวงเวียนตรงถนนกลาย ๆ แต่ที่จริงแล้วเจดีย์ขาวแห่งนี้ได้ซ่อนเรื่องราวประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของชาวเมืองเชียงใหม่ให้ได้จดจำว่า ครั้งหนึ่งเคยมี "ลุงเปียง" เป็นวีรบุรุษหาญกล้ายอมสละชีพเพื่อบ้านเกิดเมืองนอนด้วยความรักชาติอย่างภาคภูมิใจ

วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560

วิธีแก้ไขร่างกายท่อนล่างอ้วนและขาใหญ่ที่ได้ผล

หนังสือ "วิธีแก้ไขร่างกายท่อนล่างอ้วนและขาใหญ่ที่ได้ผล"
สิน  วิภาวสุ แปลและเรียบเรียง
สำนักพิมพ์วังเดิม พ.ศ. 2539
จัดจำหน่ายโดย บริษัท ธนบรรณ จัดจำหน่าย จำกัด จำนวน 194 หน้า
..........................

คำนำหนังสือ
..........พอได้ยินคำว่า "ท่อนล่างอ้วน" เท่านั้น ก็เหมือนกับมีอะไรมาทิ่มแทงตรงที่เจ็บนั้นทันที เชื่อว่าคนส่วนใหญ่จะมีความรู้สึกหวาดกลัวกันมาก เป็นความจริง ท่านหญิงทั้งหลายที่หวังจะลดความอ้วนหรือที่อยู่ในแผนลดความอ้วนในขณะนี้ ส่วนมากจะเป็นเพราะร่างกายไม่ได้สัดส่วน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เมื่อเปรียบเทียบกับร่างกายส่วนบนแล้วส่วนขาอ่อนรู้สึกว่ามันใหญ่โตมากเกินไป หรือขาท่อนล่างใหญ่ทู่อย่างน่าเกลียด สาเหตุเนื่องมาจาก "ร่างกายท่อนล่างอ้วน" และไม่รู้จะไปขอความช่วยเหลือจากใคร ทำให้รู้สึกเดือดร้อนกลัดกลุ่มอยู่มิรู้วาย

..........ปัจจุบัน ข่าวสารที่เกี่ยวกับการลดความอ้วนนี้มีอยู่อย่างแพร่หลาย จะเห็นว่าตามร้านขายหนังสือที่ตีพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับการลดความอ้วนวางขายอยู่มากมาย ตลอดจนคำโฆษณาชวนเชื่อของร้านเสริมสวยก็เห็นอยู่ไม่น้อย แต่ว่าจะหาที่มุ่งตรงต่อจุดที่ทำให้หญิงสาวในยุคปัจจุบันเกิดความเดือดร้อนกันมาก นั่นคือ ร่างกายท่อนล่างอ้วนอันเป็นตำราที่แนะนำวิธีที่ให้ขาสวยและทรวดทรงงามที่ได้ผลนั้นค่อนข้างจะหายาก ดังนั้น ท่านหญิงทั้งหลายที่หวังจะให้ขาของตนเรียวงามนั้น ก็ได้แต่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหนังสือคู่มือลดความอ้วนเท่านั้น โดยทำการลดอาหารตามตารางรายการอาหารของแต่ละมื้อตามที่กำหนด ผลที่สุด จะเห็นว่ากล้ามเนื้อส่วนหน้าอกนับวันจะรีบลงไปเรื่อย ๆ แต่ส่วนขาอ่อนส่วนน่องและข้อเท้ายังคงใหญ่เหมือนเดิม ท่านผู้อ่านทั้งหลาย คงจะมีอยู่ไม่น้อยที่เคยมีประสบการณ์และได้รับความเดือดร้อนในปัญหาดังกล่าวนี้มาแล้วก็ได้

..........วิธีการที่ทำให้ท่อนล่างของร่างกายซูบผอมลงกับวิธีการทำให้ผอมลงทั้งร่างกายนั้น มีความแตกต่างกันมาก การใช้วิธีการลดอาหารเพื่อควบคุมปริมาณของแคลอรี่ที่ร่างกายรับเข้าไปนั้น ส่วนมากจะได้รับความสำเร็จในการลดความอ้วนตามที่ต้องการ แต่ถ้าหากเป็นคนที่อ้วนไปทั้งตัว ตามน้ำหนักตัวที่ลดลง จะทำให้ส่วนขาอ่อนผอมลงไปได้ก็จริง หากแต่ร่างกายท่อนบนจะเห็นว่าซูบผอมลงไปอย่างผิดหูผิดตามากทีเดียว สำหรับท่านหญิงที่เพียงแต่ท่อนล่างของร่างกายอ้วนนั้น ถ้าหากควบคุมการับเอาแคลอรี่ของร่างกายเพียงฝ่ายเดียว ก็จะไม่ทำให้ส่วนขาเรียวงามได้แต่อย่างใด

..........ผู้ที่มีร่างกายท่อนล่างอ้วนเพียงส่วนเดยว ส่วนมากมักจะมีสาเหตุบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน บ้างก็เกิดจากโลหิตและน้ำเหลืองไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เกิดการคั่งค้างอยู่ที่ส่วนขาอ่อน ก่อให้เกิดอาการบวมฉุ บ้างก็เนื่องมาจากการละลายตัวของไขมันไม่เป็นไปตามปกติทำให้ไขมันเกิดการคั่งค้างอยู่ภายใน

..........การรักษาให้โลหิตและน้ำเหลืองไหลเวียนเป็นไปอย่างสะดวกนั้น เป็นเรื่องสำคัญของผู้ที่ต้องการทำให้ขางามไม่ควรจะมองข้ามทีเดียว ท่านที่มองแต่เพียงด้านเดียวด้วยการลดอาหารแต่อย่างเดียว อาจจะไม่ได้รับความสำเร็จสมความปรารถนาก็ได้

..........เพื่อให้เป็นไปตามความเป็นจริงในการแก้ไขที่ได้ผล "ร่างกายท่อนล่างอ้วน" หนังสือเล่มนี้ได้เสนอแนะวิธีการบริโภคอาหารที่ถูกต้อง วิธีการหายใจ วิธีการออกกำลังกาย วิธีการนวด วิธีการผ่อนคลาย ตลอดจนเรื่องการเผาผลาญภายในร่างกายเพื่อเปลี่ยนแปลงอาหารให้กลายเป็นพลังงานและเนื้อหนังของร่างกาย เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งเป็นสาระสำคัญรวม 6 วิธีด้วยกัน โดยใช้ถ้อยคำภาษาที่ง่าย ๆ แนะนำไปตามลำดับเพื่อให้ท่านผู้อ่านทุกท่านสามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วยความสะดวกสบาย ถ้าหากท่านทั้งหลายสามารถใช้ความเพียรพยายามอย่างสม่ำเสมอไม่ทิ้งเสียกลางคัน มีความซื่อตรงต่อหลักการปฏิบัติดังกล่าวนี้ คิดว่าคงจะสามารถหลุดพ้นจากเงามืดของ "ร่างกายท่อนล่างอ้วน" ได้อย่างแน่นอน ท่านจะมีขาที่เรียวงามอย่างได้สัดส่วนที่ใคร ๆ จะพลอยยินดีไปกับท่านด้วย