คำถาม
1. เพื่อนนักเรียนที่ห้องคนหนึ่ง เป็นผู้ชายนะครับมีสิวเยอะมาก
แต่ช่วงหลัง ๆ นี้ กลับลดลงอย่างน่าอัศจรรย์
ซึ่งผมก็มีปัญหาเรื่องสิวเหมือนกันจึงได้สอบถามไปว่า
ไปหาหมอที่คลินิกไหนหรือเปล่า เค้าบอกว่าซื้อยาคุมกำเนิดมาทานเอง
ซึ่งผมก็กลัว ๆ ไม่กล้าถามคุณพ่อคุณแม่ครับ กะว่าจะลองซื้อมาทานเอง
ก็กลัวว่ามันจะมีผลข้างเคียง คุณหมอคิดว่า ควรจะทานดีไหมครับ
แล้วยาตัวไหน หมายถึงว่าถ้าไปถามซื้อต้องซื้อแบบไหนถึงจะดีครับ
2. ผมมีขนหน้าแข้งเยอะมาก ๆ อายเพื่อนผู้หญิงครับ เค้าชอบแซวบ่อย ๆ
จึงได้โกนทุกวัน แต่ปรากฏว่าขนที่โกนกลับขึ้นอย่างรวดเร็วและเป็นเส้นแข็ง
ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดีครับ มียาทานที่ลดขนหรือเปล่า เคยได้ยินว่า
มีการให้กินยาลดฮอร์โมนควรซื้อมาทานดีไหมครับ แล้วยาตัวไหนที่มี
ประสิทธิภาพดีที่สุดครับ เห็นรายการทีวีรายการหนึ่ง มีการแวกซ์ขน
ไม่ทราบว่าทำอย่างไร แล้วพวกผลิตภัณฑ์ที่เสนอขาย เช่น ทีวีมีเดีย
นำเสนอขายแบบเป็นเครื่องไฟฟ้ากำจัดขนทีละเส้นดีไหมครับ
คำตอบ
ปัญหาเรื่องสิว ดูเป็นเรื่องหนักอกหนักใจสำหรับวัยรุ่นส่วนใหญ่
และเดี๋ยวนี้เลยเถิดถึงขั้นที่หาซื้อยาคุมกำเนิดมากินเองเพื่อรักษาสิว
ถามว่าจะเกิดผลอย่างไร ตอบได้เลยครับว่า เกิดผลร้ายมากมายหลายอย่างทีเดียว
ก่อนอื่นเราต้องรู้ว่า ระยะวัยรุ่น ร่างกายของเด็กทั้งชายและหญิง
จะเปลี่ยนแปลงตามฤทธิ์การทำงานของฮอร์โมนเพศ
ฮอร์โมนชายหรือเทสโตสเตอโรน และฮอร์โมนเพศหญิงโปรเจสเตอโรนและอีสโตรเจน
ความจริงฮอร์โมนทั้งสองเพศมีแหล่งกำเนิดอันเดียวกัน คือสารสตีรอยด์
แล้วไปแตกกิ่งก้านสาขาของโมเลกุลข้างเคียง ตามเพศของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
เหตุฉะนี้ฤทธิ์บางอย่างของทั้งฮอร์โมนชายและหญิงก็มีเหมือน ๆ กันบางกรณี
เช่น ทำให้ต่อมไขมันใต้ผิวหนังในบางบริเวณสร้างไขมันเพิ่มขึ้น
ไขมันที่สร้างเพิ่มขึ้นนี้เอง ทำให้เป็นอาหารอันโอชะของแบคทีเรีย
ยิ่งถ้ารักษาผิวหนังไม่สะอาด ก็จะเป็นเหตุของการเกิดสิวนั่นเอง
ดังนั้นทั้งเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงเมื่อเข้าวัยรุ่นก็มีสิวได้ทั้งสองเพศ
แต่ว่าเพศชายจะมีสิวมากกว่า เพราะฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศชาย
นอกจากนี้ ต่อมไขมันในบางที่ยังสร้างกลิ่นเฉพาะออกมาด้วย
เช่น บริเวณรักแร้ รอบหัวนม และบริเวณอวัยวะเพศ
ทำให้เกิดกลิ่นเฉพาะขึ้นมาโดยธรรมชาติ เพื่อดึงดูดเพศตรงกันข้าม
นี่เป็นที่มาของกลิ่นตัว แต่ถ้าใครรักษาความสะอาดพื้นที่เหล่านี้ไม่ดีพอ
เชื้อแบคทีเรียก็ทำให้เกิดการหมักหมม เกิดกลิ่นตัวแรง
ฮอร์โมนเพศทั้งชายและหญิงยังทำให้ขนตามร่างกายบางแห่งงอกขึ้นมาด้วย
เช่น ขนรักแร้ ขนที่หัวเหน่า และขนหน้าแข้ง เป็นต้น
อีกนั่นแหละที่ฮอร์โมนเพศชายจะทำให้ขนเหล่านี้งอกมากกว่าฮอร์โมนเพศหญิง
แต่เพศหญิงก็มีขนเหล่านี้ขึ้นได้เหมือนกัน
ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติเหล่านี้แล้ว จะเห็นว่า นี่คือความเปลี่ยนแปลง
ตามธรรมชาติของคนที่เข้าสู่วัยรุ่น ไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย รังเกียจหรือต้องดิ้นรน
จนเกินขนาดที่จะขจัดมัน และถ้าขืนไปแตะต้องแก้ไขมันด้วยการกินฮอร์โมนเข้าไป
อาจทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่
เกิดปัญหาอื่น ๆ ที่ร้ายแรงตามมาอีกมากมายโดยเราไม่ทันคิด
การกินยาคุมกำเนิด ก็คือการรับเอาฮอร์โมนเพศหญิงเข้าสู่ร่างกาย
ด้านหนึ่งอาจออกฤทธิ์ต่ออวัยวะเป้าหมาย แข่งขันกับฮอร์โมนเพศชาย
เป็นผลให้อวัยวะเหล่านั้น ไม่สนองต่อฮอร์โมนเพศชายมากนัก
ผลก็คือ การกินยาคุมกำเนิดทำให้สิวลดน้อยถอยลงไปได้ระดับหนึ่ง
กระทั่งอาจทำให้ขนหน้าแข้งลดจำนวนลง
แต่น้อง ๆ ลองคิดดูซิครับว่า อวัยวะที่ตอบสนองต่อฮอร์โมนในร่างกายของเรา
จะมีเฉพาะต่อมไขมันและขนหน้าแข้งเท่านั้นหรือ ไม่ใช่แน่นอน
เจ้าอวัยวะอื่น ๆ ล่ะจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเรารับเอาฮอร์โมนเพศตรงข้ามเข้าไป
หรือถึงแม้จะเป็นน้อง ๆ ผู้หญิงก็เถอะ ในร่างกายเรามีฮอร์โมนในระดับหนึ่ง
แต่นี่เราเติมเข้าไปให้มากกว่าเดิมจะเกิดอะไรขึ้น
ก่อนอื่นสำหรับวัยรุ่นผู้ชาย ถ้าขืนกินยาคุมเข้าไปก็จะเกิดเรื่องราวต่อไปนี้
1. ความสูงที่กำลังเพิ่มขึ้นจะหยุดชะงัก
เพราะฮอร์โมนเพศชายช่วยทำให้กระดูกท่อนยาวยืดตัวออกไป
เมื่อถูกรบกวนด้วยฮอร์โมนเพศหญิง ความสูงก็หยุด
2. เสียงจะไม่เปลี่ยน ฮอร์โมนเพศชายทำให้กล่องเสียงโตขึ้น
กล่องเสียงคือลูกกระเดือกนั่นเอง ผู้ชายจึงมีลูกกระเดือก ทำให้มีเสียงห้าว
ถ้ากินยาคุม เสียงก็จะแหลมเล็กอย่างพวกคนเพศที่สามนั่นเอง
3. กล้ามเนื้อไม่เจริญเติบโต เพราะฮอร์โมนเพศชายทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้น
กินยาคุมไปเรื่อยเจ้าตัวก็จะกร้องแกร้ง เหมือนไม้เสียบผี
4. เต้านมโตขึ้น ด้วยฤทธิ์ของฮอร์โมนเพศหญิง
5. ร้ายแรงกว่านั้นคือทำให้อัณฑะฝ่อเหี่ยว
อวัยวะเพศซึ่งจะเพิ่มขนาดในวัยรุ่นด้วย ก็จะไม่เพิ่มขนาด
ทีนี้ล่ะ เรื่องยุ่งคงตามมาอีกเยอะ เพราะฉะนั้นจงอย่าใช้เป็นอันขาด
และรีบบอกเพื่อนให้เลิกใช้เสียโดยด่วน
แม้จะรู้กันว่าแพทย์โรคผิวหนังจำนวนหนึ่งอาจเลือกใช้ในการรักษาสิวกับคนไข้
บางคนบางกรณี ก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของแพทย์ไปละกัน อย่าเที่ยวซื้อกินเองส่งเดช
สำหรับเรื่องขนหน้าแข้งก็เหมือนกัน เด็กวัยรุ่นจงรู้ไว้ว่าขนหน้าแข้งนั้น
คือสัญลักษณ์ของความเป็นชาย เป็นการประกาศกร้าวแก่ชาวโลกว่า
"ข้าเนี่ยนะ หนุ่มแล้วนะเว้ย !" และพึงรู้อีกเหมือนกันว่าที่เพื่อนผู้หญิงพากันล้อนั้น
แท้ที่จริงอาจเป็นเพราะว่า พวกเธอชักจะสนใจมาดชายชาตรีที่เริ่มจะ
หรอมแหรมโผล่ขึ้นมาในตัวของเราบ้างแล้ว
เด็กผู้หญิงเหล่านั้น บางทีก็รู้สึกแปลก ๆ กับความในใจของตนเอง
พวกเธอก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
เพียงแต่รู้สึกว่า เจ้าเพื่อนคนนี้มีอะไรสะดุดตา สะดุดใจอยู่ไม่น้อย
พวกเธอไม่รู้จะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองดีแหละครับ
ก็เลยเสแสร้งออกมาเป็นเรื่องของการแอ่วการแซวกัน...กรี๊ดกร๊าด
ด้วยเหตุฉะนี้ เด็กวัยรุ่นจงเริ่มภูมิใจน้อย ๆ ในขนหน้าแข้งของตัวเองได้แล้วละ
ปล่อยมันไว้อย่างนั้น ให้ขึ้นมารกครึ้มเท่าไหร่ก็ช่างมัน จะไปอาย ไปโกนมันทิ้งทำไมกัน
ต้องรู้ไว้ว่า เจ้าเครื่องถอนขนนั่นน่ะ เขาไม่ได้มีไว้ถอนขนหน้าแข้งผู้ชายหรอกนะน้อง
เพราะการถอนแต่ละทีก็เจ็บหยอกอยู่ซะเมื่อไหร่
ผู้ชายนั้นยังไงเสียก็ต้องมีขนหน้าแข้งอยู่แล้ว เพราะฮอร์โมนเพศมันพาไป จะคอยถอนคงไม่ไหว
เจ้าเครื่องถอนขนนั้น มีไว้ให้พวกผู้หญิงเขาใช้กัน
เพราะฮอร์โมนในตัวพวกเธอก็มีฤทธิ์ทำให้ขนขึ้นเหมือนกัน
และค่านิยมในสังคมเรา ไม่ค่อยนิยมที่จะเห็นผู้หญิงคนไหน
โหนรถเมล์ด้วยขนรักแร้แพลมออกมามากมาย
พวกเธอก็เลยต้องทนทรมานถอนขนเหล่านี้ ยิ่งบางคนมีขนหน้าแข้งด้วย
เพราะสัดส่วนฮอร์โมนในตัวเธอออกจะมีความเป็นชายมากกว่าคนธรรมดาอื่น ๆ
พวกเธอไม่อยากให้โลกเขามองว่า "น่อง ๆ นี้อาจเตะช้างล้มได้"
ก็เลยจำต้องถอนขนหน้าแข้งด้วย
จงปล่อยให้พวกเธอทำกันไปเถอะครับ
แต่พึงรู้ว่า รสนิยมการถอนขนนั้นเป็นเรื่องของจริตจะก้านที่สังคมเมือง
เสแสร้งแต่งปั้นเข้าครอบงำกันซะเปล่า ๆ คนไทยรุ่นแม่รุ่นย่ายาย
เขาไม่ได้มาเกี่ยงงอนเรื่องมีขน ไม่มีขน กันสักหน่อย ขอให้เป็นคนนิสัยดี
ทำการบ้านการเรือนได้ การไร่การนาไม่ครั่นคร้าม แถมมีเสน่ห์ปลายจวัก
เท่านี้ก็เป็นผู้หญิงที่ทรงคุณค่าแล้ว ไม่ได้วัดกันด้วยขนรักแร้ หรือน่องมีขนกี่เส้นกันเ..ล้..ย !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น