มีคำกล่าวไว้ว่า "รวยแล้วจึงจะคิดถึงคุณธรรม" ซึ่งหมายความว่าคุณธรรมเป็นเรื่องที่จะคิดเมื่อท้องอิ่มแล้ว ก่อนหน้านี้จะใช้วิธีการอะไรก็ได้ ขอให้รวยเท่านั้น ดูอย่างมหาเศรษฐีที่สร้างตัวมาได้ด้วยมือเปล่า ในจำนวนนี้ 90% จะมีอดีตที่ไม่ค่อยสวยงามนัก แต่ในปัจจุบัน คนทั่วไป ไม่เพียงแต่ไม่ติดใจกับอดีตเหล่านั้น แต่ยังนำมาเป็นเกียรติประวัติอันยิ่งใหญ่ ราวกับว่า ขอเพียงแต่ให้ประสบความสำเร็จเถิด จะด้วยวิธีการใดก็ไม่เกี่ยง
หากทรัพย์สินเงินทองเป็นสุดยอดปรารถนาเพียงประการเดียวของคนเรา และคุณก็ยึดมั่นในการที่จะไขว่คว้าหามาให้ได้ ก็ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว แต่ผู้ที่จะทำความชั่วได้ ก็ต้องมีคุณลักษณะพิเศษเหมือนกัน ใช่ว่าทุกคนจะทำได้หมด หลักการ "หน้าด้านใจดำ" ของลี่จงอู๋ ที่กล่าวว่าต้อง "หน้าด้านไร้ที่เปรียบ ใจดำบริสุทธิ์" จึงจะประสบผลสำเร็จ บางคนอาจเชื่อเช่นนั้น ส่วนจะทำได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะหลักการก็เป็นเพียงหลักการ ทำไม่ได้ก็คือทำไม่ได้ เพราะเหตุนี้ลี่จงอู๋เจ้าของทฤษฎีจึงไม่ประสบผลสำเร็จอะไรมากมายนัก เขาสอนให้ทำอะไร เขาสอนให้เดินทางชั่ว ซึ่งแน่นอน การเดินทางชั่ว ไม่สามารถทำการค้าที่ถูกต้องได้ แล้วคนเราก็ไม่สามารถลงมือลงไม้ฆ่าฟันกันอย่างในหนังได้
เราจะไม่พูดถึงคุณธรรม แต่จะดูจากความเป็นจริง กิจการใดเป็นลักษณะที่คู่ค้าผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนไปเรื่อยๆ หรือจะวกกลับมาหาก็ไม่พบ หรือหากพบก็ไม่มีหลักฐานทำอะไรได้ แบบนี้หลายคนจะขาดความยับยั้งชั่งใจกับผลประโยชน์ที่วางล่ออยู่ข้างหน้า ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุดคือพวกแท็กซี่ ที่ถือโอกาสฉกฉวยแย่งชิงเงินลูกค้า สิ่งที่เขากลัวมีอยู่อย่างเดียวก็คือจะถูกต่อย หรือไปขึ้นโรงพักเท่านั้น
ทว่า กิจการที่มีลักษณะแบบแท็กซี่มีน้อยมาก โดยทั่วไปมักจะต้องพบปะกัน หากคู่กรณีจะเอาเรื่องจริงๆ ก็หาตัวพบ พ่อค้าย่อยไม่ใหญ่พอที่จะเป็นความกับใครหรือสร้างศัตรูมากมายได้ เพราะศัตรูเหล่านี้ล้มพ่อค้าย่อยเอาได้ง่ายๆ วิธีที่ดีที่สุด พ่อค้าย่อยจะต้องผูกมิตร สร้างสัมพันธ์ จริงใจไว้ใจได้ นี่ไม่ใช่คุณธรรม แต่เป็นชีวิตจริงในสังคม หากเรามีแต่มิตร เมื่อล้มจากวงการหนึ่ง จะสามารถไปเข้าวงการอื่นได้ทันที แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องสร้างแต่มิตรไว้ตลอดไป
หนทางที่ง่ายและดีที่สุดคือ เปิดเผยจริงใจ ทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง เรื่องปวดหัวของพ่อค้าย่อยมีมากมายอยู่แล้วไม่ควรต้องหาเรื่องเช่นนี้มารกสมองอีก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น