วันอาทิตย์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ปัญหาเจ้าตัวเล็ก-อารมณ์ก้าวร้าว

ปัญหาเจ้าตัวเล็ก-อารมณ์ก้าวร้าว
ถาม---มีลูกชาย 2 คน (คนแรกอายุ 3 ขวบ เป็นลูกติดสามี )
          อีกคนลูกตัวเองอายุ 1 ขวบ ลูกทั้งสองเข้ากันได้ดี คนโตเป็นเด็กน่ารัก
          แต่เดี๋ยวนี้เขามีอารมณ์เปลี่ยนแปลงเร็วมาก เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เวลาดีจะน่ารัก
         พูดเพราะ แต่เวลาโกรธจะก้าวร้าวรุนแรง และร้องไห้บ่อยมาก
         ส่วนใหญ่แม่เขาจะรับกลับไปเลี้ยงเอง แต่สามีเห็นพฤติกรรมแบบนี้
         เลยขอมาดูแลเองที่บ้าน (อาทิตย์ละ 4-6 วัน) จะแก้ไขอย่างไรดี
ตอบ---เวลาเราเห็นพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็ก จะมีสาเหตุใหญ่ ๆ อยู่ไม่กี่อย่าง
           อันที่พบได้บ่อยก็คือในเด็กที่ถูกตามใจมาก
          มักจะพบในเด็กโดยเฉพาะในครอบครัวคนไทย
          โอกาสซึ่งจะตามใจลูกสูงมีเยอะอยู่ ยิ่งเรามีลูกน้อยก็ยิ่งตามใจมาก
          หลายสิ่งหลายอย่างเลยในชีวิตที่เราขัดสนมาก่อน เราไม่อยากให้ลูกเรา
          พบกับความผิดหวังมากมาย ไม่อยากให้ชีวิตเขาผิดหวังเหมือนกับเรา
          เพราะฉะนั้นเราก็จะตามใจเด็ก อาจจะมากเกินไปเสียด้วยซ้ำ

           อันที่สองก็คือการเลี้ยงดูสลับไปสลับมา บางครั้งตามใจ บางครั้งดุ
          สลับไปสลับมา เดี๋ยวให้เดี๋ยวไม่ให้ เดี๋ยวยอม เดี๋ยวไม่ยอม
          เดี๋ยวปล่อยให้ทำเดี๋ยวจะไม่ยอมให้ทำ การเลี้ยงดูที่ขึ้น ๆ ลง ๆ แบบนี้
          จะทำให้เด็กคาดเดาไม่ถูกว่าตกลงจะได้หรือไม่ได้ พอครั้งหนึ่งเคยได้
          เด็กก็คาดหวังว่าครั้งที่ 2 ก็น่าจะได้ อ้าวครั้งที่ 2 คนเลี้ยงเปลี่ยนวิธีการ
          กลายเป็นไม่ได้อีก ก็จะทำให้ไปเร้าอารมณ์โกรธของเด็ก
          ทำให้เด็กแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมาได้

           อันดับสามของการเลี้ยงดูที่พบพฤติกรรมการก้าวร้าวบ่อย ๆ ก็คือ
          มีต้นแบบของความก้าวร้าวอยู่ในบ้าน
          เช่น อาจจะมีคุณพ่อหรือคุณแม่ที่มีอารมณ์ดุเดือด
          เวลาโกรธหรือไม่พอใจอะไรขึ้นมา มักแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวออกมา
          ทั้งในคำพูด การกระทำ หรือท่าทางก็เป็นได้ค่ะ

           ในการเลี้ยงดูที่บีบคั้นเด็กเยอะ กฎเกณฑ์มาก ดุว่ารุนแรงหรือลงโทษรุนแรง
           พวกนี้จะพบว่าแบบอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ทำนั่นแหละเป็นแบบที่ถึงแม้เด็กจะไม่ชอบ
           แต่บางครั้งเด็กก็เลียนแบบพฤติกรรมก้าวร้าวของคุณมาไว้ในตัวก็มี

            ที่พบต่อมาก็คือมีคนยั่วยุเด็ก ทำให้เด็กโกรธโดยไม่จำเป็น ผู้ใหญ่นี่ก็แปลกนะคะ
            เวลาแหย่เด็กให้โกรธมักจะสนุก เวลาเด็กโกรธเด็กแสดงออกมา
            และทันทีที่แสดงความก้าวร้าวปั๊บแล้วผู้ใหญ่ยอม เด็กก็จะเรียนรู้ว่า
           ยิ่งแสดงพฤติกรรมก้าวร้าวเท่าไหร่บางครั้งมันได้ผล
           บางครั้งจะทำให้คนยอมเรา บางครั้งก็จะทำให้คนสนใจเรา
           หลายครั้งเด็กเลือกวิธีลองผิดลองถูกแบบนี้
           แล้วก็เลือกว่าทำพฤติกรรมแบบนี้แหละ และผลสุดท้ายมันก็จะได้
           เด็กก็จะทำพฤติกรรมนั้นออกมาซ้ำ ๆ สุดท้ายเลยติดเป็นนิสัย
           อันนี้ก็จะเป็นสาเหตุของพฤติกรรมก้าวร้าวที่เกิดจากการเลี้ยงดู

          ปัญหาที่พบได้บ่อยในเด็กที่มาจากครอบครัวที่แตกแยกแล้ว
          เด็กก็ยังอยู่กับผู้ปกครองคนใดคนหนึ่ง ซึ่งจุดหนึ่งที่เห็นคือ
          ผู้ใหญ่มักจะสงสารเด็กเพราะเห็นว่าครอบครัวแตกแยก
          ก็เลยให้และมักให้เกินกว่าที่ควรจะให้โดยไม่รู้ตัว แต่เด็กก็คือเด็กแหละค่ะ
         พอได้ 1 จะเอา 2 ได้ 2 จะเอา 3 ได้ 3 จะเอา 4
         ฉะนั้นขอบเขตในการเลี้ยงดูเด็กจำเป็นต้องชัดเจน
         ไม่ว่าเขาจะมาจากครอบครัวที่แตกแยกหรือไม่แตกแยกก็ตาม
         ถ้าสิ่งใดที่จะให้เด็กเป็นสิ่งที่ไม่สมควร ไม่จำเป็นแม้เด็กเรียกร้องก็ต้องไม่ได้
         แล้วขอบเขตกฎเกณฑ์ที่เราจะให้กับเด็กแต่ละคนก็ต้องเหมือนกัน
         ไม่ใช่ให้เพราะมีข้อแม้ว่าเขามาจากครอบครัวที่แตกแยก หรือเขามีปัญหามาก่อน
         จึงต้องได้มากกว่า ลักษณะแบบนี้แหละค่ะที่จะทำให้เด็กซึ่งมาจากครอบครัว
        ที่แตกแยกมีปัญหาเพิ่มขึ้น นอกจากมีปัญหาครอบครัวแตกแยกแล้วยังมีนิสัยที่ไม่ดีอีกด้วย

          อันที่สองก็คือ การเลี้ยงที่ไม่สม่ำเสมอกลับไปกลับมา
          บางวันอยู่กับแม่แล้วบางวันก็มาอยู่กับพ่อ คุณแม่อาจจะเลี้ยงแบบหนึ่ง
          คุณพ่ออาจจะเลี้ยงอีกแบบหนึ่ง สลับไปสลับมา
          ที่พบบ่อยในครอบครัวแบบคนไทยหลังจากที่เลิกร้างกันแล้ว คือ
          ความโกรธแค้นระหว่างผู้ใหญ่ยังมีอยู่ และบางครั้งที่เอาเด็กมาเป็นตัวกลาง
          เช่น พ่อถือโอกาสว่าแม่ผ่านเด็กไป เมื่อไหร่ก็ตามเมื่อเด็กกลับมาอยู่กับพ่อ
         พ่อก็จะฝากว่าคุณแม่กลับไปด้วย กลับกันไปกลับกันมา
         โดยใช้เด็กเป็นสื่อกลาง แบบนี้สุดท้ายเด็กก็แย่

          วิธีแก้ปัญหาพฤติกรรมก้าวร้าวโดยเอาเด็กมาเลี้ยงนั้น
           วิธีแรกคือ เมื่อไหร่เด็กกลับมาอยู่ภายใต้บรรยากาศที่สงบสุข
                            ก็จะช่วยทำให้ความก้าวร้าวนั้นสงบลง
           วิธีที่ 2 คือ การแสดงความรัก เด็กทุกคนยังต้องการความรัก ความมั่นคง
                            ความสม่ำเสมอ ในการแสดงออกของความรักอย่างตรงไปตรงมา
                            แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอ และแสดงออกอย่างชัดเจน
           วิธีที่ 3 คือ เด็กต้องการขอบเขตที่ชัดเจนว่าสิ่งใดทำได้ สิ่งใดทำไม่ได้
                            จุดนี้โดยเฉพาะคุณต้องระวังนะคะ เพราะคุณอยู่ในฐานะแม่เลี้ยง
                             เท่าที่พูดคุยกับคนที่อยู่ในตำแหน่งแม่เลี้ยง
                            สิ่งที่จะเป็นปัญหามากก็คืออันที่หนึ่งสงสารเด็ก
                            ความที่สงสารเด็กว่าเขามาจากครอบครัวที่แตกแยก
                            จะทำให้คนตามใจเขามากกว่าปกติ คุณจะยอมเขามากกว่า
                            คุณยอมลูกอีกด้วยซ้ำ เพราะคุณกลัวว่าเขาจะหาว่ารักไม่เท่ากัน
                            บางครั้งจะให้มากเกินไปในสิ่งที่เด็กไม่ควรได้
                            อันที่สองคือไม่สม่ำเสมอ ความที่คุณกลัวว่าเดี๋ยวคนอื่นจะมาว่าคุณ
                            ว่าคุณเลี้ยงลูกเขาไม่ดี เพราะฉะนั้นมันจะมีอิทธิพลต่อความรู้สึก
                            ของคุณโดยไม่รู้ตัว สิ่งที่ต้องระวังส่วนนี้จะเป็นจุดอ่อนอย่างยิ่ง
                            สิ่งใดที่เราทำกับลูก ก็ทำกับลูกเลี้ยงในลักษณะเดียวกัน
                            สิ่งใดเราห้ามลูกเรา ก็ห้ามลูกเลี้ยงในลักษณะเดียวกัน
                            สิ่งใดที่เรายอมลูกเรา ก็ยอมลูกเลี้ยงในแบบเดียวกัน

           และที่สำคัญเด็ก 2 คนอยู่ในช่วงอายุคนละอายุกัน เพราะฉะนั้นถ้าเรายอม
           ให้ลูกคนโตซึ่งเป็นลูกติดสามีทำได้ และลูกคนเล็กจะพยายามที่จะเอาบ้าง
           เราก็คงจะต้องบอกลูกคนเล็กว่าลูกจะทำได้เมื่อลูกโตเท่ากับพี่ หรือในขณะที่
          ลูกคนเล็กพยายามอ้อน และลูกคนโตอยากจะอ้อนเอาอย่าง คุณก็บอกเลยว่า
          อยากอ้อนแบบน้องก็มาให้แม่กอดให้แม่รักได้ แต่พอถึงจุดหนึ่งหนูโตแล้วนะคะ
          หนูก็จะต้องเติบโตช่วยตัวเองได้มาก อย่างนี้แม่ก็รักและแม่ก็ชอบด้วย

           ก็อยากจะบอกคุณไว้ด้วยว่า เด็กที่มาจากครอบครัวที่แตกแยกจะมีจุดอ่อน
           อยู่ในหัวใจก็คือกลัวว่าจะไม่เป็นที่รัก เขาจะหวั่นไหวมาก
          เพราะจากประสบการณ์ที่เคยได้รับมาว่าพอหลังจากพ่อแม่เลิกกัน
          ความรักที่เขาเคยได้มามันหดหายไปเยอะ เพราะฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่เขา
          มาอยู่กับคุณเขาเห็นคุณแสดงความรัก มันเป็นโดยธรรมดา โดยธรรมชาติ
          เราต้องรักลูกเรามากกว่าลูกคนอื่นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นขอให้รู้ว่าเวลา
          เราแสดงความรักกับลูกคนโต เราอาจรักเขาระดับหนึ่ง อาจจะไม่เท่ากับ
          ความรักที่เรารักลูกตัวเอง แต่ความรักที่เราให้กับเขาต้องแสดงให้ชัดสม่ำเสมอ
         รักแค่นี้ก็คือรักแค่นี้ การที่เรารักเขามันคนละเรื่องกับการที่เรายอมตามใจเขา
          การที่เรายอมตามใจเขาแสดงว่าเรารักเขามากหรือเปล่า ก็คือเปล่า

           การแสดงความรักนั้น สิ่งที่เด็กต้องการก็คือการแสดงออกอย่างชัดเจน
           ต้องมีการกอดกัน มีการหอมแก้มกัน มีการลูบไหล่ ลูบตัว ลูบหัว
           หรือไม่ก็จะมีอาการจ้องมองสบตาและก็ยิ้มให้กัน
           พฤติกรรมที่แสดงความรักนี่แหละค่ะ
           ขอให้แสดงออกให้ชัดเจนตรงนั้นก็เป็นหัวใจสำคัญ
           เพราะว่าเด็กคนนี้อายุแค่ 3 ขวบ ยังต้องการคนที่ชี้แนะอย่างจริงใจ
           และก็ต้องการความมั่นคงที่สำคัญที่สุด
************************
พ.ญ.วินัดดา ปิยะศิลป์
************************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น