วันอังคารที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2560

ยาพาราเซตามอล กินครั้งละ 2 เม็ด ปลอดภัยหรือไม่

ยาพาราเซตามอล กินครั้งละ 2 เม็ด ปลอดภัยหรือไม่
ฉลาด...ใช้ยา ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด มหาวิทยาลัยหัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ
ยาพาราเซตามอล...เป็นเพื่อนที่แสนดีจริงหรือ?
..........หลายครั้งที่พวกเรามักจะชื่นชอบยาพาราเซตามอลว่าเป็นเพื่อนที่แสนดี เพราะไม่ว่าจะมีอาการปวดหัว ตัวร้อน เป็นไข้ ปวดฟัน ปวดหลัง ปวดเอว ฯลฯ เราก็จะหยิบยาชนิดนี้มาใช้เพื่อบรรเทาอาการ และได้ผลเป็นอย่างดี ซ้ำยังมีราคาประหยัด ไม่แพง ไม่เป็นอันตรายต่อกระเพาะอาหาร ซึ่งจะกินเมื่อใดก็ได้ ทันทีที่มีอาการเกิดขึ้น

"ยาไม่ใช่ขนม"..."มีคุณอนันต์และโทษมหันต์"
..........แต่อย่างไรก็ตาม "ยาไม่ใช่ขนม" หรือ "มีคุณอนันต์ และ โทษมหันต์" ซึ่งเป็นคำขวัญที่ใช้กับยาทั่วไป และยังเป็นจริงแท้แน่นอน เมื่อนำมาใช้กับยาพาราเซตามอล เพราะยาชนิดนี้ ถ้าหากมีการใช้ในขนาดปกติ (ดูตารางที่ 1) ถือว่าเป็นยาที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยและประหยัด แต่หากมีการใช้ยาพาราเซตามอลนี้เกินขนาด ก็อาจจะเกิดอันตรายและเป็นพิษ เป็นภัยต่อสุขภาพร่างกายของผู้ใช้ยานี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก ผู้ใหญ่ หรือผู้สูงอายุ ทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี



หากได้รับยาพาราเซตามอลเกินขนาด...จะมีพิษต่อตับ
..........ตัวอย่างเช่น ในผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดหัวเป็นประจำ จึงใช้ยาพาราเซตามอล ขนาด 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 2 เม็ด รวมเป็น 1,000 มิลลิกรัม หรือ 1 กรัมติดต่อกันทุก 4 ชั่วโมง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง หรือ 1 วัน ซึ่งจะได้รับยาชนิดนี้ทั้งสิ้น 6 ครั้ง ๆ ละ 1 กรัม รวมเป็น 6 กรัมต่อวัน (ขนาดสูงสุดที่แนะนำ คือ 4 กรัมต่อวัน)

..........ยาพาราเซตามอลในขนาดสูงจะส่งผลให้ตับของผู้ใช้ยารายนี้ทำงานหนักยิ่งขึ้น เพื่อขจัดยานี้ออกจากร่างกาย และทำให้เกิดสารพิษสะสม หากมีจำนวนมาก ๆ ก็จะส่งผลทำลายตับ ทำให้ตับวาย และถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม ก็อาจจะถึงแก่ชีวิตได้

..........อันตรายต่อตับจะเกิดขึ้นเมื่อได้รับยาพาราเซตามอลในขนาดสูง ทั้งแบบเฉียบพลัน และแบบเรื้อรัง โดยในแบบเฉียบพลันนี้จะเกิดขึ้นทันที หลังจากที่ได้รับยาชนิดนี้เกินขนาดสูง ๆ เช่น ในผู้ใหญ่ที่ใช้ครั้งละ 6-7 กรัม หรือเด็กที่ได้รับยามากกว่า 200 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 1 กิโลกรัมต่อวัน เป็นต้น ในขณะที่การเกิดพิษแบบเรื้อรัง จะเกิดจากการใช้ยา ในขนาดสูงและติดต่อกันนาน ๆ หลายวัน หลายสัปดาห์ หรือเป็นปี จึงจะเกิดพิษต่อตับได้

ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดพิษของยาพาราเซตามอล
..........นอกจากนี้ ในผู้ใช้ยาบางกลุ่มจะเกิดพิษจากยาพาราเซตามอลได้เร็วและบ่อยกว่าคนทั่วไป ได้แก่ ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำ ผู้ป่วยโรคตับ ผู้ที่สูบบุหรี่ ผู้ที่อดอาหาร ผู้ที่ขาดอาหาร ผู้ที่ใช้ยาที่มีผลต่อตับ เป็นต้น จึงต้องระวังการใช้ยาพาราเซตามอลไม่ให้ขนาดสูง เพราะจะเกิดพิษได้ง่ายกว่าคนทั่วไป

ยาที่ส่งผลเพิ่มพิษของยาพาราเซตามอล มี 2 ประเภท ได้แก่
..........1. ยาที่มีสูตรผสมตัวยาพาราเซตามอล
..........2. ยาที่เพิ่มการเปลี่ยนแปลงยาพาราเซตามอลที่ตับ

ยาที่มีสูตรผสมตัวยาพาราเซตามอล
..........ยังมียาสูตรผสมอื่น ๆ อีกเป็นจำนวนมากที่มีส่วนผสมของตัวยาพาราเซตามอลด้วย ตัวอย่างเช่น ยาแก้ไข้หวัดชนิดแผง ยาแก้ปวด ยาแก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น ทั้งนี้เพื่อหวังผลของตัวยาพาราเซตามอลในการแก้ปวด ลดไข้ แก้ตัวร้อน โดยเฉพาะยาแก้ไข้หวัดทั้งในผู้ใหญ่และในเด็ก มีตัวยาพาราเซตามอลเป็นองค์ประกอบด้วยจำนวนมาก

..........หากผู้ใช้ยาหรือผู้ปกครองไม่พึงระวัง และมีการใช้ร่วมกับยาพาราเซตามอลอีก ก็จะเป็นการเพิ่มขนาดของยาพาราเซตามอลโดยไม่ตั้งใจ และอาจจะส่งผลให้เกิดพิษต่อตับจากยาพาราเซตามอลได้

ยาที่เพิ่มการเปลี่ยนแปลงยาพาราเซตามอลที่ตับ
..........ยากลุ่มนี้ไม่ได้มีองค์ประกอบเป็นตัวยาพาราเซตามอล แต่ตัวยาในกลุ่มนี้จะส่งผลให้เพิ่มการทำงานของตับในการทำลายยาพาราเซตามอล ทำให้เกิดพิษต่อตับได้เช่นกัน ได้แก่ isoniazid

ยาพาราเซตามอลมีหลากหลายรูปแบบ
..........สำหรับตารางที่ 2 จะแสดงรูปแบบของยาพาราเซตามอลชนิดเดี่ยว ๆ ที่มีหลากหลายรูปแบบให้เลือกใช้ให้เหมาะกับวัยของผู้ใช้ยา เช่น ชนิดหยด (drop) ชนิดน้ำเชื่อม (syrup) ชนิดน้ำแขวนตะกอน (suspension) และชนิดเม็ด (tablet, caplet)


..........เริ่มตั้งแต่ทารกแรกเกิดจนถึง 1 ขวบ ซึ่งอาจจะมีอาการตัวร้อนหรือเป็นไข้ จะแนะนำให้ใช้ในรูปแบบของยาน้ำชนิดหยด ซึ่งมีความเข้มข้น 100 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร อาจจะคำนวณขนาดของยาที่จะต้องใช้จากอายุของทารกหรือน้ำหนักตัวก็ได้ และเด็กแรกเกิดส่วนใหญ่มักจะหนักประมาณ 3 กิโลกรัม จึงใช้ครั้งละ 0.3 ซีซีทุก 4-6 ชั่วโมง และไม่เกินวันละ 5 ครั้ง (ดูตารางที่ 1 )

..........ส่วนในเด็กเล็กอายุระหว่าง 1 ถึง 6 ขวบ จะแนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอลชนิดน้ำเชื่อม หรือชนิดน้ำแขวนตะกอน ในขนาดความเข้มข้น 120 มิลลิกรัม/ช้อนชา หากเด็กมีน้ำหนักตัว 12 กิโลกรัมก็ควรได้รับยาพาราเซตามอลครั้งละ 1 ช้อนชา (หรือ 5 ซีซี) ซึ่งประกอบด้วย ตัวยา 120 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง และไม่เกินวันละ 5 ครั้งเช่นกัน

..........สำหรับเด็กโตขึ้นและมีอายุตั้งแต่ 6 ถึง 12 ปี จะให้ใช้ยาพาราเซตามอลชนิดน้ำเชื่อม หรือชนิดน้ำแขวนตะกอน ในขนาดความเข้มข้น 240 หรือ 250 มิลลิกรัม/ช้อนชา หากเด็กมีน้ำหนักตัว 24 หรือ 25 กิโลกรัม ก็ควรได้รับยาในความเข้นข้นนี้ ครั้งละ 1 ช้อนชา (หรือ 5 ซีซี) ซึ่งประกอบด้วย ตัวยา 240 หรือ 250 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง และไม่เกินวันละ 5 ครั้งเช่นกัน

..........กรณีของผู้ใหญ่ มียาพาราเซตามอลในรูปแบบเม็ดให้เลือก 3 ขนาด คือ เม็ดละ 325, 500 และ 650 มิลลิกรัม และมีข้อแนะนำในการใช้ยาพาราเซตามอล 2 แบบ คือ
..........1. ใช้ครั้งละ 325-650 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง เวลาที่มีอาการ
..........2. ใช้ครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้งเวลาที่มีอาการ

..........ซึ่งทั้งสองวิธีการใช้นี้ ต้องได้รับยาไม่เกินวันละ 4 กรัม เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายได้

..........เนื่องจากในผู้ใหญ่จะมีน้ำหนักแตกต่างกันมาก บางคนก็หนักเพียง 40 ถึง 50 กิโลกรัม แต่บางคนอาจจะหนักถึง 70, 80 หรือถึง 100 กิโลกรัม ซึ่งหนักเป็น 2 เท่าของคนที่หนัก 50 กิโลกรัม ในการเลือกใช้ขนาดยาพาราเซตามอลจึงควรใช้ให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ที่น้ำหนักตัวน้อย ๆ ผอม ๆ ไม่เกิน 50 กิโลกรัม อาจใช้ยานี้ในขนาด 325 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมง เวลาที่มีอาการปวด ลดไข้ แต่ในผู้ที่มีน้ำหนักมาก ๆ เช่น 90-100 กิโลกรัม ก็อาจพิจารณาใช้ยาในขนาดครั้งละ 1,000 มิลลิกรัม วันละ 3-4 ครั้ง เวลาที่มีอาการปวด ลดไข้

..........อย่างไรก็ตาม หากเป็นไข้ และใช้ยานี้เป็นเวลา 3 วันแล้ว อาการยังไม่ดีขึ้น หรือเด็กที่มีอาการปวดแล้วได้ใช้ยามา 5 วันแล้วยังไม่ดีขึ้น หรือในผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดแล้วใช้ยามา 10 วัน ยังไม่ดีขึ้น ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ได้เลยนะครับ

..........สุดท้ายนี้ เพื่อประโยชน์ ความปลอดภัย และประหยัด ก่อนใช้ยาจึงควรอ่านฉลากให้เข้าใจและ/หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญให้แน่ใจก่อนการใช้ยาทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ หรือเภสัชกรที่ประจำอยู่ในโรงพยาบาล หรือร้านขายยา เพื่อช่วยคัดกรอง ให้คำปรึกษา และแนะนำยาที่ดีมีคุณภาพ และเกิดความปลอดภัยจากการใช้ยา

วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

นักขายอุตสาหกรรม - เล็ก อัคคีสุริยน

นักขายอุตสาหกรรม - เล็ก อัคคีสุริยน
จากนิตยสาร "นักขาย" ฉบับที่ 5 เดือนมีนาคม 2531
..........หากจะพูดถึงนักขายการขายละก็ เราก็มักจะเน้นถึงการขายโดยตรง หรือขายเกี่ยวกับ Consumer Products หรือขายบริการ, ขายประกัน, ขายที่ดิน เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นสินค้าที่อยู่รอบ ๆ ตัวเราและเรามักจะได้พบนักขายจำพวกนี้เป็นประจำ แต่ยังมีนักขายอีกจำพวกหนึ่งซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่มาก แต่เราอาจจะไม่ค่อยได้สัมผัส หากวิถีชีวิตเราไม่ได้เกี่ยวข้องด้วย นักขายที่ผมจะพูดถึงนี้ก็คือ "นักขายอุตสาหกรรม"

..........ผมเองก็เป็นนักขายประเภทนี้ ทำงานด้านนี้มาเป็นเวลายี่สิบกว่าปี ซึ่งพอมีประสบการณ์จะนำมาเล่าสู่กันฟัง เพื่อว่ารุ่นน้อง ๆ ที่อยากจะมีอาชีพเป็นนักขายประเภทนี้จะได้มีความเข้าใจและศึกษาขั้นพื้นฐานที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจนี้ในอนาคต

..........ก่อนอื่น ผมใคร่จะชี้แจงให้ทราบว่าสินค้าอุตสาหกรรมนั้น พอแบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ได้ดังนี้ -
..........1. Machines & Equipment เครื่องจักรและเครื่องมือต่าง ๆ
..........2. Raw Materials วัสดุที่ใช้ในการผลิต, เคมีภัณฑ์เป็นรายการใหญ่ในสินค้าจำพวกนี้
..........3. Energy พลังเชื้อเพลิง เช่น น้ำมัน, ก๊าซ, กระแสไฟฟ้า ฯลฯ
..........4. Maintenance Products สิ่งบำรุงรักษา เช่น น้ำมันเครื่อง, จารบี เคมีกำจัดน้ำเสีย ฯลฯ
..........5. Technology & System เทคโนโลยี และ ระบบการผลิต

..........จะเห็นว่าสินค้าที่จะขายมีอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ มีตั้งแต่มองไม่เห็นตัวตนจนถึงขนาดที่มองไม่ไหว

..........ในที่นี้จะเน้นถึงการขายเฉพาะเคมีภัณฑ์เป็นหลัก เพราะเป็นรายการใหญ่ และผู้เขียนเองก็อยู่ในวงการนี้ การขายเรายังแบ่งสินค้าพวกนี้ออกได้เป็น 2 จำพวกใหญ่ คือ

..........ก. Commodity คือสินค้าที่มีใช้กันทั่ว ๆ ไป มีผู้ผลิต (Supplier) มากมาย คุณสมบัติของสินค้าก็เหมือน ๆ กัน ไม่แตกต่างกันมากนัก สินค้าตัวเดียวก็จะใช้แทนกันได้ ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ผลิต เช่น ดินประสิว (Potassium Nitrate) ใครก็ผลิตได้ การใช้งานก็ไม่มีใครพิเศษกว่าใคร

..........ข. ผลิตภัณฑ์พิเศษ (Specialty) สินค้าพวกนี้จะเป็นสินค้าพิเศษ ใช้เฉพาะงาน มี Supplier ที่ผลิตเฉพาะ ดังนั้นคุณสมบัติจะแตกต่างกันไปตามผู้ผลิต สินค้า พวกนี้จะขายยาก ทดแทนกันลำบาก

..........อนึ่ง การขายของนักขาย เราก็ยังแบ่งเป็น 2 ประเภท ได้ดังนี้
..........ก. นักขาย Ex-Stock คือ มีสินค้าเก็บไว้ในโกดัง ขายได้ทันที ส่งให้โรงงานใช้ได้เลย
..........ข. นักขาย Indent คือ ขายแค่ Contract ถ้าลูกค้าต้องการจะต้องเปิด L/C สั่งเข้ามาเอง

คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็นนักขายอุตสาหกรรม ควรมีดังนี้
..........1. แกร่งวิชา ภาษาดี - การขายของให้กับโรงงานอุตสาหกรรมนั้น ผู้ขายควรจะมีพื้นฐานความรู้พอสมควร เพราะสินค้าบางตัวจะต้องมีความรู้เอาการอยู่ และโดยมาก Specification รวมทั้ง Literature จะเป็นภาษาต่างประเทศทั้งนั้น ผู้ขายถ้ามีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์หรือวิศวกรรม และภาษาอังกฤษจะเป็นสิ่งเกื้อกูลนักขายคนนั้นเป็นอย่างดี

..........2. อดทนและตื้อเก่ง - การขายของอุตสาหกรรมจะต้องใช้เวลาและความพยายามมาก บางครั้งใช้เวลาเป็นปี ๆ กว่าจะขายได การขอนัดพบ การขอให้ลูกค้าทดลอง จะต้องใช้ความอดทนและเฝ้าคอย จึงจะประสบความสำเร็จได้

..........3. ตื่นเสมอไวต่อข้อมูล - ต้องเป็นคนกระตือรือร้น คอยหาข้อมูลสินค้าตัวใหม่ ๆ กระบวนการผลิตใหม่ ๆ รวมทั้งโรงงานใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ใครไวใครได้

..........4. มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี - เป็นคุณสมบัติที่จะขาดเสียมิได้ เพราะการจะขายได้นั้น ต้องผ่านขั้นตอนมากมาย ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายฝ่าย ตั้งแต่ยามหน้าประตูโรงงานในการขอเข้าพบบุคคลในโรงงาน เสมียน วิศวกร นายช่าง ผู้จัดซื้อ พนักงานในห้องทดลอง ผู้จัดการโรงงาน รวมทั้งเจ้าของบริษัท เป็นต้น บุคคลเหล่านี้ล้วนมีบทบาทที่จะทำให้การขายประสบความสำเร็จหรือล้มเหลว

..........5. ชอบบันทึกและมีความคิดสร้างสรรค์ - ทุกสิ่งทุกอย่างที่ประสบจะต้องทำบันทึกเพื่อเป็น Record แล้วนำมาวิเคราะห์เพื่อที่จะได้นำไปพัฒนาเมื่อหาลูกค้ารายใหม่ หาผลิตภัณฑ์ใหม่ รวมทั้งการขายอะไรใหม่ ๆ ให้กับอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ต่อไป

สำหรับขั้นตอนของการขาย พอสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้ -
..........1. ศึกษาเกี่ยวกับ Product Knowledge

..........2. ศึกษาถึง Customer requirement เพื่อจะได้จัดเตรียมสินค้าที่มี Specification ให้ตรงกับความต้องการที่เขาจะใช้

..........3. ตระเตรียม Catalogue, Literature รวมทั้งตัวอย่าง

..........4. ขั้นให้ลูกค้าทดลอง Sample ขั้นตอนนี้จะเป็นประตูไปสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลว หากลูกค้าถูกเกลี้ยกล่อมจนเกิดความสนใจที่จะยอมทดลอง Sample ก็มีโอกาสลุ้น

..........5. ติดตามผลทดลอง ถ้าปรากฎว่าผลทดลองผ่าน ก็ต้องทำ Offer Sheet เสนอราคา, การส่งสินค้า, ระยะเวลาของการปล่อยเครดิต และบริการ เพื่อที่จะ Close Sales

..........ดังนั้นในช่วงแรกนี้ควรจะเสนอราคาที่ Reasonable ที่สุดเพื่อจูงใจให้ลูกค้าอยากซื้อ แม้ว่าน Lot แรก ๆ อาจจะแทบไม่มีกำไร แต่เพื่อหวังผลในระยะยาว

..........ลูกค้าส่วนใหญ่หากเห็นว่าราคาดี คุณภาพใช้ได้ แต่ยังไม่มั่นใจอาจจะขอซื้อในปริมาณน้อย ๆ เพื่อการทดลอง ผู้ขายจะต้องพยายามเน้นให้เห็นถึงคุณสมบัติของสินค้า, บริการที่น่าเชื่อถือ และให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจใน Supply ability

..........ลูกค้าบางรายอาจจะต้องการให้ผู้ขายรับประกันว่าถ้าเกิดความเสียหายจะต้องรับผิดชอบ ดังนั้นจะต้องมั่นใจในสินค้าว่าดีจริงและเบอร์ที่เอามาให้ใช้นั้นใช้ได้จริงไม่มีปัญหา มิฉะนั้นแล้วเกิดเสียหายขึ้น จะต้องรับใช้เป็นเงินมหาศาล และยังจะทำให้หมดทางหากินอีกต่อไป

..........6. เมื่อลูกค้าซื้อไปทดลองใช้ และใช้ได้ผลแล้ว การจัดส่ง, การบริการหลังการขายจะต้องใกล้ชิด เพื่อให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในสินค้าและบริการ ซึ่งจะเป็นผลให้มีการซื้อขายมากขึ้น และจะได้ถือเราเป็นแหล่ง Supply ที่ถาวรต่อไป

..........7. การให้สินเชื่อแก่ลูกค้า เราจะต้องศึกษาให้รอบคอบ เพราะการขายในด้านอุตสาหกรรมนั้นเป็นเงินจำนวนมาก หากเราไม่รู้ถึงการเงินของลูกค้าให้ดี จะประสบปัญหาในภายหลัง เพราะเครดิตนั้นยาว บางอุตสาหกรรมให้กัน 4-5 เดือน เพราะคู่แข่งเขาให้กันอย่างนั้น เดือนหนึ่งซื้อกัน 3-4 แสนบาท กว่าจะครบกำหนดชำระก็ปาเข้าไปหลายล้าน

..........ดังนั้น หากมีทางเป็นไปได้ต้องพยายามขอ Bank Guarantee แต่ไม่ใช่ของง่ายเลย การเตรียม Inventory นั้นก็เป็นเรื่องใหญ่ หากเตรียมไว้มากไป ก็เสียดอกเบี้ยมาก หากเก็บไว้ไม่พอ ลูกค้าก็จะขาดของใช้จะเป็นปัญหาเดือดร้อน ต้องบริหารให้ดีจะต้องพยายามติดตามลูกค้าอย่างใกล้ชิด ถึงจะไม่เกิดปัญหา

..........8. การหมั่นเยี่ยมเยียนลูกค้า และการสร้างความสนิทสนมกับลูกค้า จะต้องทำต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงราคาต้อง update เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้คู่แข่งมาแทรกหรือแย่งลูกค้าไปจากเรา

จะหาลูกค้าได้อย่างไร
..........เรื่องนี้ไม่ใช่ของง่าย แต่ก็ไม่ยากจนเกินไป พอสรุปคร่าว ๆ ได้ดังนี้
..........1. ดูจากรายชื่อในสมุดโทรศัพท์
..........2. ถามจากพรรคพวกเพื่อนฝูง
..........3. ถ้าโชคดี ที่บริษัทมี Past Record ก็ย่อมจะใช้ประโยชน์จาก Record นั้น แล้วเจาะลึกต่อไป
..........4. ติดตามข่าวสารต่าง ๆ จาก BOI ว่ามีโรงงานอะไรเกิดขึ้นใหม่, จะผลิตอะไร จะต้องใช้อะไรบ้าง จะไปติดต่อผู้ลงทุนที่ไหน ต้องติดต่อตั้งแต่เนิ่น ๆ
..........5. เดินลุย ถ้าหากว่าไม่รู้จะหาลูกค้าที่ไหนก็ไปแถบนิคมอุตสาหกรรมทุกแห่ง เห็นปล่องไฟหรือแท๊งค์น้ำสูง ๆ ที่ไหน ที่นั่นคือโรงงานอุตสาหกรรมแน่นอน เขาจะต้องใช้อะไรบ้าง เราจะต้องพยายามขุดคุ้ยต่อไป แล้วในที่สุดเราก็คงจะขายอะไรได้บ้าง ไม่เร็วก็ช้า
..........เท่าที่เล่ามานี้ก็เป็นเพียงพื้นฐานเล็ก ๆ น้อย ๆ สำหรับผู้ที่คิดจะก้าวเข้ามาสู่วงการนักขายอุตสาหกรรม หากโชคดีมีบริษัทไหน ยอมจ้างให้คุณไปเป็นนักขายประเภทนี้ สัก 6 เดือนก็คงพอจะรู้ว่าไหวไหม ถ้าไม่ไหวเขาก็ไม่ให้ผ่าน Probation เท่านั้นเอง
..........รายได้หรือครับ? มันพูดยาก บางคนได้ไม่มากนัก แต่บางคนก็ได้เป็นหมื่่น ๆ น่าลุ้นนะ

ข้อควรจำ
..........1. ถ้า Supplier เจ๋ง ขายง่าย กำไรดี คอมสูง ถ้า Supplier ห่วย ขายยาก แล้วก็คงเจ๊ง
..........2. Commodities ขายมาก ขายง่าย กำไรน้อย คอมต่ำ Specialties ขายยาก ขายน้อย คอมสูง

การปิดการขายหลังข้อโต้แย้ง - ยาซีน เอส เอ็ม มูตู

การปิดการขายหลังข้อโต้แย้ง - ยาซีน เอส เอ็ม มูตู
จากนิตยสาร "นักขาย" ฉบับที่ 5 เดือนมีนาคม 2531
..........ในการปิดการขาย ผู้ขายต้องเข้าใจข้อโต้แย้ง ต้องรู้ว่าผู้มุ่งหวังยกข้อโต้แย้งขึ้นมาทำไม มันมีความหมายว่าอย่างไร เพราะในการพยายามปิดการขายนั้น ผู้ขายทุกคนก็ทราบอยู่แล้วว่าผู้มุ่งหวังต้องตัดใจจากความรักในเงินของตัวเปลี่ยนมาเป็นความรักในข้อเสนอของเราแทน

..........ก่อนภาวะการตัดสินใจนี้คนส่วนมากจะพยายามบ่ายเบี่ยงไปเพื่อจะได้ไม่ต้องมาตัดสินใจสลัดเงินออกจากตัว นักขายที่รู้จักจิตใจมนุษย์ย่อมต้องเข้าใจแล้วว่าการโต้แย้งหรือบ่ายเบี่ยงของผู้มุ่งหวังในยามนี้ คือความรอบคอบตามสามัญสำนึกของมนุษย์ทั่ว ๆ ไป นั่นเอง

..........ด้วยเหตุนี้ ผู้ขายทั่วไปจึงไม่ล่าถอยทันทีที่ผู้มุ่งหวังตอบปฏิเสธ และก็ไม่มีผู้ขายคนใดจะหวังใจไว้แต่ต้นว่าผู้มุ่งหวังจะต้องตอบรับข้อเสนอของตนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

การปิดการขายโดยทั่ว ๆ ไป จึงหมุนเวียนอยู่ในกฎเกณฑ์ 3 ข้อ ต่อไปนี้คือ
..........1.ทดลองปิดการขาย
..........2. ข้อขัดข้องหรือข้อโต้แย้ง
..........3. ตอบหรือแก้ข้อโต้แย้ง

..........ปรากฎการณ์อันนี้จะหมุนไปจนกว่าผู้ขายหรือผู้มุ่งหวังจะเป็นผู้แพ้ผู้ชนะไปข้างหนึ่ง จึงจะยุติ

..........ผู้ขายที่ดีต้องทราบว่า ข้อโต้แย้งแต่ละอันที่ผู้มุ่งหวังยกขึ้นมากล่าวนั้น ข้อไหนเป็นข้อแก้ตัวบ่ายเบี่ยง และข้อไหนเป็นสัญญาณว่าสนใจจะซื้อ พนักงานขายผู้ใดที่ทราบข้อแตกต่างระหว่าง 2 สิ่งนี้ ถือได้ว่าเป็นนักขายที่ชำนาญและมีแนวไปสู่ความสำเร็จได้ดี

ข้อบ่ายเบี่ยงและข้อโต้แย้ง
..........ข้อบ่ายเบี่ยง เป็นเพียงข้อแก้ตัวเพื่อให้พ้นภาระที่จะต้องพบกับผู้ขายหรือที่จะต้องรับฟังหรือสั่งซื้อโดยไม่ยอมพิจารณาถึงความจำเป็นที่ตนเองมีอยู่ ทั้งนี้เนื่องจากความเคยชินจนไม่ทราบว่าจะมีเครื่องมือหรือสินค้าใดมาช่วยตัวเองให้ทำงานหรือมีความเป็นอยู่ที่ดีกว่าในปัจจุบัน โดยผู้มุ่งหวังจะออกตัวว่า "ผมติดธุระและไม่มีเวลาพิจารณาข้อเสนอของคุณ" ประโยคนี้ อาจแปลได้ 2 สถาน คือ

..........1. ผู้มุ่งหวังอาจไม่สนใจในข้อเสนอของผู้ขาย - - อย่างน้อยก็ในขณะนี้ ฉะนั้น คำตอบของผู้มุ่งหวังในสถานะนี้ก็ถือว่าเป็นข้อแก้ตัวหรือข้อบ่ายเบี่ยงไป

..........2. ผู้มุ่งหวังอาจจะติดธุระจริง ๆ คือต้องขึ้นเครื่องบินไปเชียงใหม่ในหนึ่งชั่วโมงข้างหน้านี้ในกรณีเช่นนี้ ก็ถือว่าคำตอบนั้นเป็นปัญหาจริง ๆ ที่ไม่อาจจะเอาชนะได้ในขณะนี้ ผู้ขายจำต้องจำนนยอมตาม

..........ปัญหาอยู่ที่่ว่า พนักงานขายจะบอกได้อย่างไรว่า ข้อความไหนเป็นข้อโต้แย้งและข้อความไหนเป็นข้อความบ่ายเบี่ยง เพราะหลักใหญ่ ๆ มีอยู่ว่า ถ้าผู้ขายรู้ว่าข้อความไหนเป็นข้อความบ่ายเบี่ยงก็เลี่ยงไปโดยไม่ต้องตอบให้เสียเวลา ควรหันไปพูดเรื่องที่น่าสนใจกว่า โดยทำไม่รู้ไม่ชี้กับข้อความบ่ายเบี่ยงนั้น ๆ

..........แต่ถ้าเป็นข้อโต้แย้งหรือเป็นปัญหาจริง ๆ ก็ต้องแก้ไปตามวิชา แต่ถ้าผู้ขายสับสนในสองสิ่งนี้ โอกาสจะขายได้ก็ต้องหมดไป ยิ่งกว่านั้น ยังสร้างปัญหาให้ผู้บริหารงานขายที่นั่งอ่านรายงานอยู่เบื้องหลังพลอยต้องวุ่นวายใจไปด้วยโดยใช่เหตุ

ข้อสังเกตว่า ข้อความไหนเป็นข้อแก้ตัวและข้อความไหนเป็นปัญหา ขึ้นอยู่กับสิ่งต่อไปนี้ คือ

..........1. ลักษณะน้ำเสียงของผู้มุ่งหวังและกิริยาที่แสดงออก ย่อมบอกได้ชัดหากผู้ขายรู้จักสังเกต

..........2. ตอบข้อบ่ายเบี่ยงเสมือนว่าเป็นปัญหาจริง ๆ แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากผู้มุ่งหวังเลยหรือแสดงอาการเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ยกมานั้นเป็นเพียงข้อบ่ายเบี่ยง ไม่ต้องไปกังวล ตอบหรืออธิบายต่อไป ควรเปลี่ยนเรื่องไปสร้างความสนใจ จี้ปัญหาของลูกค้าและแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยสินค้าของตนต่อไปจะดีกว่า

..........เพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานขายจะเข้าใจความแตกต่างระหว่างสองสิ่งนี้ เราควรได้ศึกษากรณีตัวอย่างดังต่อไปนี้ :-

ตัวอย่างแรก
..........ผู้ซื้อ - "ไม่เอาล่ะ ผมเพิ่งซื้อของเข้าสต๊อกไปเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง ไม่มีที่จะเก็บของอีกแล้ว"

..........ผู้ขาย - "(ปฏิบัติเสมือนว่าเป็นข้อบ่ายเบี่ยง) ผมมีเพียงรายการเดียวที่น่าสนใจที่สุดที่ผมอยากให้ท่านพิจารณา เพื่อให้สอดคล้องกับฤดูกาลสนับสนุนการขายที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านี้"

..........ผู้ซื้อ - "ขายอย่างไรล่ะ?"

..........นี่เป็นตัวอย่างให้เห็นว่า หากผู้ขายคิดว่าสิ่งที่ผู้ซื้อยกขึ้นมาพูดเป็นความจริง แล้วพยายามไปพิสูจน์ดูว่าจะมีที่เก็บของได้อีกไหม ก็คงจะไม่ได้ขาย แล้วยังจะสร้างความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกันขึ้นมาอีกด้วย แต่พนักงานขายรู้ว่าเป็นข้อแก้ตัวจึงไม่เสียเวลาไปพูดถึงสิ่งที่เขายกขึ้นมาพูด แต่กลับไปเสนอสิ่งที่น่าสนใจแทน จึงได้รับความสนใจกลับมา

ตัวอย่างที่สอง
..........หากการตอบสนองแบบเลี่ยงหลบของพนักงานขายในตัวอย่างแรกได้รับการตอบกลับว่า "ไม่ว่าคุณจะมีการสนับสนุนการขายอย่างไร ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะผมมีของเต็มสต๊อกไม่อาจเอาไปตากฝนได้" ในกรณีเช่นนี้ แน่ล่ะ ผู้มุ่งหวังมิใช่เพียงพูดเพื่อหลบ แต่เป็นการปฏิเสธเพราะเป็นปัญหาจริง ๆ

..........ฉะนั้น แม้ว่าพนักงานขายจะตอบแบบเลี่ยงหลบไปแล้ว กลับไปพบปัญหาจริง ๆ เข้า ก็ไม่เสียหายอะไร เพียงแต่ต้องรู้ว่าปัญหาที่เขายกขึ้นมานั้นเป็นปัญหาจริง ๆ ที่จะต้องแก้ไขกันแล้ว หากแก้ให้ได้ก็ผ่านได้ แต่ถ้าแก้ไม่ได้ก็ต้องตกไปเป็นธรรมดา ดังนั้น พนักงานขายจึงเปลี่ยนการตอบโต้แบบเลี่ยงหลบมาเป็นการผจญปัญหาในทันที โดยพูดขึ้นว่า

.........."คุณลูกค้าครับ ผมมิได้มีเจตนาจะให้ท่านสั่งซื้อเกินความจำเป็นเลยแม้แต่น้อย การสั่งซื้อเพียงเล็กน้อยเพื่อสนับสนุนการขายของท่านในเดือนหน้านี้จะสามารถเพิ่มจำนวนลูกค้าให้ท่านได้มากทีเดียว"

..........เนื่องจากการปฏิเสธที่มีสาเหตุจากความจริง เป็นเรื่องจริง จึงไม่อาจตอบไปแบบเลี่ยงหลบได้ จำเป็นต้องแก้ไขกันอย่างจริงใจ ก่อนที่จะมีการปิดการขายกันได้ โปรดจำไว้ว่า ผู้มุ่งหวังที่ปลดเหตุที่จะไม่ซื้อออกทิ้งได้หมดแล้วเท่านั้น ถึงจะเป็นผู้ซื้อได้

..........แต่ก็มีปัญหาขึ้นมาอีก สมมติว่าเขาพ้นจากข้อสงสัยข้อหนึ่งไปแล้ว แต่ยังมีข้อสงสัยหรือปัญหาอื่นติดค้างอยู่โดยที่ไม่พูดออกมาและวางท่าเฉยอยู่ ผู้ขายจะทำอย่างไรกับสภาพการณ์เช่นนี้ ในกรณีเช่นนี้ผู้ขายจะต้องเป็นผู้ยกปัญหาขึ้นมา แล้วแก้ปัญหาเป็นระยะ ๆ ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะสามารถตีจุดดำในใจของผู้มุ่งหวังแตกจนหมด ดังตัวอย่างต่อไปนี้ นายแดงได้พยายามขายเครื่องพิมพ์ดีดให้นายสมหมายและสามารถตอบข้อโต้แย้งของนายสมหมายได้เกือบทั้งหมด แต่ก็ยังไม่สามารถปิดการขายได้

..........นายแดงจึงพูดขึ้นว่า - "คุณสมหมายครับ บางทีคุณอาจคิดว่าช่วงเวลานี้ไม่น่าจะเป็นช่วงที่ควรลงทุนถึง 20,000.- บาท ใช่ไหมครับ"

..........คุณสมหมาย - "ไม่หรอก หากจำเป็นจริง ๆ การใช้เงินมากกว่านั้นก็ทำได้มันอยู่ที่ว่าอะไรควร อะไรไม่ควร"

..........นายแดง - "เอาอย่างนี้ดีไหมครับ คุณสมหมายแบ่งการชำระออกเป็น 24 งวดเลย เพียงแต่บวกดอกเบี้ยไว้เพียง 5% เท่านั้น ถูกกว่าเช่าเสียอีกจริงไหมครับ"

..........จะเห็นว่านายแดงพยายามเปิดปัญหาออกไปเองและแก้ปัญหาให้ด้วย ทั้ง ๆ ที่ปัญหาเรื่องการชำระหนี้คุณสมหมายไม่ได้เอ่ยขึ้นมาก่อน แต่นายแดงก็สามารถล้วงความลับนี้ได้จากสายตาของคุณสมหมายเอง แต่กระนั้นนายแดงก็ยังปิดการขายไม่ได้ จึงต้องแสดงต่อ

..........นายแดง - "คุณสมหมายครับ คุณเห็นด้วยใช่ไหมครับว่าเครื่องพิมพ์ดีดเครื่องนี้จะช่วยให้งานของคุณราบรื่นขึ้นกว่าเดิม ปัญหาที่เคยเกิดก็จะถูกตัดไปโดยสิ้นเชิง แล้วยังมีปัญหาอะไรค้างอยู่บ้างไหมครับที่เรายังไม่ได้หยิบยกขึ้นมาพูดกัน"

..........ถ้าคุณสมหมายเป็นคนตรงไปตรงมาก็จะหยิบยกปัญหาขึ้นมาคุยกัน แต่ถ้าคุณสมหมายยังอ้ำอึ้งต่อไป ก็เป็นหน้าที่ของนายแดงที่จะยกปัญหาขึ้นมาเอง แล้วแก้เองไปเรื่อย ๆ

สัญญาณการสั่งซื้อ
..........การศึกษาการตอบโต้ข้อโต้แย้งจะไม่สมบูรณ์เลยหากมองข้ามสัญญาณการสั่งซื้อ สัญญาณการสั่งซื้อคือคำพูดซึ่งฟังดูคล้ายการบ่ายเบี่ยงหรือปัญหา แต่แท้จริงเป็นสัญญาณบอกเหตุว่าลูกค้าจะซื้ออยู่แล้ว ดังตัวอย่างต่อไปนี้

..........นายแดง - "คุณสมหมายครับ ปัญหาต่าง ๆ เราก็ได้พูดกันมาหมดแล้ว มีปัญหาอะไรค้างอยู่อีกหรือเปล่าครับที่ทำให้คุณสมหมายยังลังเลอยู่ขณะนี้"

..........คุณสมหมาย - "ผมคิดว่าผมควรปรึกษาหุ้นส่วนดูก่อน"

..........มาถึงเพียงนี้ พนักงานขายที่ชำนาญเวที ก็จะรู้ได้เลยว่าเขามาถึงสัญญาณการขายแล้ว กล่าวคือ ไม่มีปัญหาเหลืออยู่ในใจของผู้มุ่งหวังคนนี้ของเขาอีกแล้ว พนักงานขายรู้ทันทีว่าหากการปรึกษาหุ้นส่วนเป็นเรื่องจำเป็นแล้ว เขาจะต้องบอกแต่แรกเลยว่าเขาต้องปรึกษา จะไม่มาพูดตอนสุดท้ายว่าควรเป็นอันขาด และจะต้องนัดเวลาให้มาพบใหม่อีกครั้งแน่นอน

..........หากสังเกต จะเห็นข้อแตกต่างอย่างมากมายระหว่างประโยค 2 ประโยคนี้ เมื่อคุณสมหมายพูดว่า "ผมไม่แน่ใจว่าผมควรซื้อหรือว่าปรึกษาหุ้นส่วนดูก่อน" นี่เป็นสัญญาณการสั่งซื้อ การตัดสินใจอยู่ที่คุณสมหมายเอง แต่ยังลังเลอยู่กับคำว่า "ฉันตัดสินใจเองไม่ได้ นอกจากจะได้รับความเห็นชอบจากหุ้นส่วนเสียก่อน" อันนี้เป็นปัญหาแน่

..........มีทางเดียวที่จะพบกับสัญญาณการสั่งซื้อได้ นั่นก็คือ ผู้ขายต้องหยุดพูด หยุดทันที เพราะในช่วงนี้ไม่ใช่เวลาของการจูงใจใด ๆ แต่เป็นช่วงเวลาของการตอบรับ เป็นการยืนยันว่าคุณสมหมายตัดสินใจถูกต้องที่สั่งซื้อจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม และการพูดจะต้องพูดในลักษณะสงบ ราบเรียบด้วยเสียงที่มั่นคง "คุณสมหมายครับ ผมทราบดีว่าคุณจะต้องดีใจที่เห็นกิจการของคุณเดินไปด้วยความเรียบร้อยสมดังเจตนารมณ์ของผู้บริหารทุกคน เพียงแต่คุณเซ็นชื่อตรงนี้ เครื่องพิมพ์ดีเครื่องนี้จะมาช่วยงานของคุณได้ทันเวลา"

..........การตอบในลักษณะอื่น ๆ นอกจากนี้ จะต้องประสบกับความล้มเหลวทั้งสิ้น นักขายจึงจำเป็นต้องรอบรู้เกี่ยวกับการปิดการขายที่ถูกวิธี

วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือ ชุดอาหารต้านโรค อาหารหญิงวัยทอง

หนังสือ ชุดอาหารต้านโรค อาหารหญิงวัยทอง
คำนำ
..........วัยของคนโดยเฉพาะเพศหญิง แบ่งเป็นวัยทารก วัยเด็ก วัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยกลางคน และก็วัยทองอันเป็นวัยก่อนสู่วัยชรา วัยเหล่านี้วัดจากการเปลี่ยนแปลงด้านสรีระเป็นสำคัญ ส่วนวุฒิภาวะนั้นไม่อาจวัดจากอายุได้ เพราะเป็นการพัฒนาที่ได้มาด้วยวิถีชีวิต ประสบการณ์ หน้าที่การงาน เป็นสำคัญ

..........วัยทองนั้นมีทั้งในท่านหญิงและท่านชาย แต่หนังสือฉบับนี้เน้นที่ท่านหญิง เพราะเป็นวัยที่ประสบเคราะห์กรรมมากมายในเรือนร่างโครงสร้างทุกส่วนของร่างกาย วัยนี้วัดกันที่ช่วงอายุ 40-45-50-55 ปี ทั้งนี้มีเรื่องภาวะการหมดประจำเดือนเป็นตัวกำหนดอย่างสำคัญ บางคนหมดประจำเดือนเมื่ออายุ 40 ปีเท่านั้น บางคนเริ่มหมดอายุ 45 ปี ช่วงสำคัญที่ทางการแพทย์กำหนดการหมดประจำเดือนที่สมควรแก่ร่างกาย คือช่วงอายุ 45-55 ปี ดังนั้นสตรีจำนวนมากจึงเริ่มมีภาวะหมดประจำเดือนเมื่ออายุ 50 ปีเป็นต้นไป

..........อาการหมดประจำเดือนเกี่ยวข้องกับเคราะห์กรรมร่างกายดังนี้ เกิดภาวะร้อนวูบวาบฉับพลัน เกิดภาวะเครียดโดยไม่มีสาเหตุ เกิดภาวะเลือดตกมากผิดปกติอันนำไปสู่ภาวะโลหิตจาง เกิดภาวะกระดูกบางกระดูกพรุน เกิดภาวะผิวบางผิวเหี่ยว (ผู้หญิงทุกวัยกลัวนักแล) ซึ่งนำไปสู่ภาวะชราภาพ ผิวตกกระดำหรือกระขาว ผมร่วงไม่งอกอีกแล้วจึงทำให้ผมบาง

..........อาการเหล่านี้ป้องกันหรือบรรเทาได้ด้วยอาหาร อาหารการกินที่เหมาะสมกับผู้หญิงวัยทองยังสามารถป้องกันโรคอันสืบเนื่องจากวัย เช่น โรคหลงลืม โรคความดัน โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุนกระดูกบาง โรคเบาหวาน เป็นต้น

..........สารอาหารจากอาหารธรรมชาติ คือยาอันวิเศษ หนังสือเล่มนี้ช่วยทำให้เรารับประทานยาอันวิเศษได้อย่างอร่อย เป็นการบำรุงจิตใจให้แช่มชื่นด้วยรสโอชะหน้าตาน่ากินของอาหารนั้น ๆ

หนังสือ 22 หมอเด็กตอบคำถามยามลูกป่วย

หนังสือ 22 หมอเด็กตอบคำถามยามลูกป่วย

..........คงจะดีไม่น้อย ถ้าต่อไปนี้...พ่อแม่สามารถตรวจสอบอาการป่วยไข้ของลูกได้อย่างทันท่วงที ผ่านคำถาม-คำตอบที่ตรงใจ

..........เพียงแค่พลิกหนังสือในมือก็มีหมอเฉพาะทางให้เลือกปรึกษาได้กว่า 20 คน เรียกว่าสงสัยเกี่ยวกับอาการไหนก็ขอคำแนะนำได้ตลอด 24 ชั่วโมง

..........ไล่เรียงไปตั้งแต่ปัญหาเรื่องกิน การดูแลฟัน ดวงตา หู ผิวหนัง กระดูก กระทั่งอวัยวะแสนบอบบางอย่าง "เจ้าหนู" กับ "น้องหนู" ของลูก

..........รู้ลึกถึงโรคและอาการต่าง ๆ ที่ลูกเป็น...โรคเลือดจางในเด็ก ตับอักเสบบี หอบหืด ไข้เลือดออก ไข้หวัดใหญ่ ไอ ปวดหัว อาเจียน แบบไหนไม่ธรรมดา

..........ไขข้อข้องใจเรื่องของนม ยา ภาวะอ้วน และการเพิ่มส่วนสูงของลูกที่ใคร ๆ ก็อยากให้ลูกสูง ทำได้จริงเพียงไร

วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือ อาหารไทยลดน้ำหนัก - ยุวดี จอมพิทักษ์

หนังสือ อาหารไทยลดน้ำหนัก - ยุวดี จอมพิทักษ์
คำนำ
..........ในปัจจุบันนี้ แม้จะเป็นยุคแห่งโลกาภิวัฒน์แล้วก็ตาม ดูเหมือนว่ายังมีบุคคลที่มีน้ำหนักของร่างกายตนเองมากเกินมาตรฐานไม่น้อย พูดง่าย ๆ ว่า คนอ้วนยังมีอยู่ให้เห็นโดยทั่วไปนั่นเอง

..........ความอ้วนนั้นถือได้ว่าเป็นโรคอย่างหนึ่ง

..........ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์นั้น ปรากฎว่ามีคนอ้วนมาแล้วในสมัยโบราณนับพัน ๆ ปี หรือมากกว่านั้น เพราะมีรูปสลักหินที่บรรพบุรุษในสมัยก่อนสลักเอาไว้เป็นคนที่อ้วนมากอยู่ด้วย มัมมี่ในปิรามิดก็มีบุคคลที่อ้วนเป็นพิเศษที่อียิปต์อายุหลายพันปี

..........ความอ้วนนั้นเกิดมาจากการบริโภคอาหารมากเกินความจำเป็นโดยเฉพาะการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูงมาก เป็นผู้รับประทานตามใจปาก ต้องการอาหารอยู่เรื่อย ๆ มีอาหารให้เลือกบริโภคมากมาย อยู่ดีกินดี มีความสุข มีข้าทาสบริวารห้อมล้อมเสมอ ทำอะไรก็ไม่ได้ มีผู้เสนอตัวรับใช้โดยตลอด ร่างกายไม่มีการออกกำลังเลย กิน ๆ นอน ๆ ความอ้วนจึงเกิดขึ้นอย่างมากมาย

..........เมื่อมองดูแล้วในรอบ ๆ ตัวเอง ผู้เขียนมีความรู้สึกว่าน่าจะมีการแนะนำอาหารที่ไม่ทำให้เกิดความอ้วนบ้างก็คงจะดี เพราะตนเองปฏิบัติอยู่แล้วเป็นประจำวัน จึงมีรูปร่างที่ไม่อ้วน อาหารนั้นแม้จะลดไขมันลง ลดความหวานลง ลดแป้งลงบ้าง ก็ยังไม่ทำให้เกิดการขาดสารอาหาร ยังคงความสมบูรณ์ของคุณค่าทางโภชนาการดีอยู่

.........."อาหารไทย ลดน้ำหนัก" เล่มนี้จึงอุบัติขึ้นมาให้เห็นกัน ที่ยกเอาอาหารไทย ๆ มาแนะนำก็เพื่อให้เห็นว่าอาหารไทยของเรานั้นคืออาหารที่ลดน้ำหนักได้ดีมาก ดีจริง ๆ อาหารของชนชาติอื่นสู้ไม่ได้แน่นอน อาหารไทยมีทั้งศิลป มีทั้งคุณค่าทางโภชนาการ มีทั้งสมุนไพรที่มีประโยชน์กับร่างกายผู้ที่บริโภคอีกด้วย

..........ขอให้ทุกท่านจงมีโชคดี เป็นผู้ที่มีรูปร่างที่ได้มาตรฐานกันโดยทั่วหน้า ร่างกายสมบูรณ์ แข็งแรง มีสุขภาพกายสุขภาพจิตที่ดีตลอดไป

หนังสือ 20 คำถามเกี่ยวกับโรคมะเร็ง - ศจ.นพ.ไพรัช เทพมงคล

หนังสือ 20 คำถามเกี่ยวกับโรคมะเร็ง - ศจ.นพ.ไพรัช เทพมงคล
คำนำ
..........หนังสือ 20 คำถามเกี่ยวกับโรคมะเร็งเล่มนี้ เป็นการพิมพ์ครั้งที่ 3 จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ต้นอ้อ ซึ่งผู้เขียนได้พิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถจะทำให้หนังสือเล่มนี้มีคุณภาพดีที่สุดและราคาจำหน่ายถูกที่สุดตรงกับวัตถุประสงค์ของผู้เขียนที่ต้องการให้ประชาชนโดยทั่วไปได้อ่านหนังสือเล่มนี้มากที่สุด เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่สังคมมากที่สุด

..........ผู้เขียนเองได้ปฏิบัติงานคลุกคลีกับผู้ป่วยโรคมะเร็งมาเป็นเวลามากกว่า 25 ปี เห็นว่าโรคมะเร็งยังเป็นปัญหาที่สำคัญด้านสาธารณสุขของประเทศไทยไม่น้อยไปกว่าโรคเอดส์และมีอัตราตายมากกว่าโรคเอดส์ด้วยซ้ำ ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วโรคมะเร็งเป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายขาดได้ถ้าโรคอยู่ในระยะที่เพิ่งเริ่มเป็นหรือเป็นน้อย และเป็นโรคที่ป้องกันได้ ตัวผู้ป่วยมะเร็งเอง, ญาติของผู้ป่วยหรือแม้แต่ประชาชนโดยทั่วไปยังมีปัญหา และความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งไม่ถูกต้องหรือไม่ดีพอ เริ่มจากอาการของโรคมะเร็งตั้งแต่เพิ่งเริ่มเป็นว่ามีอาการอะไรบ้าง? จะไปตรวจได้ที่ไหนที่สามารถจะรู้ว่าเป็นโรคนี้ได้เร็วที่สุด? จะรักษากันอย่างไร? และจะปฏิบัติตัวขณะหรือหลังการรักษาอย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นบางคนยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคมะเร็งผิดไปจากความเป็นจริงเลย เช่น คิดว่าเป็นโรคที่รักษาไม่หาย หรือเมื่อเป็นแล้วก็หลงไปรักษาโดยวิธีที่ผิด ทำให้เสียเงินทองไปมากมายและที่สำคัญที่สุดต้องเสียชีวิตไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ถ้าได้รับการรักษาโดยวิธีที่ถูกต้องในระยะที่โรคเพิ่งเริ่มเป็นก็สามารถจะรักษาให้โรคหายได้

..........ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือเล่มนี้ คงจะเป็นประโยชน์แก่ผู้อ่าน และทำให้สามารถจะปฏิบัติตัวได้ถูกต้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยมะเร็งหรือผู้ที่มีญาติเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้ผลการรักษาโรคมะเร็งในประเทศไทยดีขึ้น

หนังสือ 6 โรคร้าย ผู้หญิงควรระวัง - พญ.ชัญวลี ศรีสุโข

หนังสือ 6 โรคร้าย ผู้หญิงควรระวัง - พญ.ชัญวลี ศรีสุโข
ทำความรู้จัก รู้วิธีป้องกัน หาหนทางรักษา
6 โรคร้ายที่คุณผู้หญิงทุกคนไม่ควรมองข้าม
...โรคเนื้องอกมดลูก -
..........พบบ่อยเป็นอันดับหนึ่งที่เป็นสาเหตุทำให้ผู้หญิงต้องผ่าตัดมดลูก
...โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ -
..........พบมากเป็นอันดับหนึ่งที่ทำให้ปวดประจำเดือนและมีลูกยาก
...โรคมะเร็งรังไข่ -
..........เป็นแล้วตายสูงสุดในบรรดาโรคมะเร็งของอวัยวะสืบพันธุ์สตรี
...โรคมะเร็งปาดมดลูก -
..........โรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับหนึ่งในมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์สตรี
...โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ หรือไข้ทับระดู -
..........โรคที่เป็นผลมาจากการติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่รุนแรงที่สุดและพบบ่อยที่สุด
...โรคช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียเพิ่มจำนวน -
..........โรคที่พบมากที่สุดที่ทำให้ผู้หญิงมีตกขาวและช่องคลอดอักเสบ

สรุปเนื้อหาสำคัญ 8 วิชาหลัก สำหรับเตรียมสอบเพื่อขอขึ้นทะเบียนและใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ สาขาการพยาบาลและผดุงครรภ์ชั้น 1

สรุปเนื้อหาสำคัญ 8 วิชาหลัก สำหรับเตรียมสอบเพื่อขอขึ้นทะเบียนและใบอนุญาตประกอบโรคศิลปะ สาขาการพยาบาลและผดุงครรภ์ชั้น 1
.................................................................
โรคจิตเภท (Schizophrenia)
..........เป็นความผิดปกติที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ผู้ป่วยส่วนใหญ่เริ่มมีอาการในช่วงวัยรุ่น เมื่อเป็นแล้วมักไม่หายขาด ส่วนใหญ่มีอายุการกำเริบเป็นช่วง ๆ โดยมีอาการหลงเหลืออยู่บ้างในระหว่างนั้น อาการในช่วงกำเริบ จะเป็นกลุ่มอาการด้านบวก เช่น ประสาทหลอน หลงผิด และในระยะหลังส่วนใหญ่มีกลุ่มอาการด้านลบ เช่น พูดน้อย เฉื่อยชา แยกตนเอง

ลักษณะอาการทางคลินิก
..........อาการแสดงของโรคจิตเภทอาจแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มอาการด้านบวก และกลุ่มอาการด้านลบ
..........1. กลุ่มอาการด้านบวก (Positive Symptoms) แสดงออกในด้านความผิดปกติของความคิด การรับรู้ การติดต่อสื่อสาร และพฤติกรรม ซึ่งแบ่งตามลักษณะออกเป็น 2 ด้านใหญ่
..........1.1 Psychotic dimension อาการหลงผิด และอาการประสาทหลอน
..........1.2 Disorganization dimension ได้แก่ disorganized Behavior และ disorganized speech
..........1. กลุ่มอาการด้านบวก (Positive Symptoms) ได้แก่
..........- อาการหลงผิด (Delusion)
..........- อาการประสาทหลอน (Hallucination) ที่พบบ่อยเป็น auditory hallucination
..........- Disorganized speech ผู้ป่วยไม่สามารถรวบรวมความคิดให้เป็นไปในแนวทางเดียวกันได้ตลอด
..........- Disorganized behavior เป็นพฤติกรรมที่ผิดไปจากปกติอย่างมาก
..........2. กลุ่มอาการด้านลบ (Negative Symptoms) เป็นภาวะที่ขาดในสิ่งที่คนทั่ว ๆ ไปควรมี เช่น ในด้านความรู้สึก ความต้องการในสิ่งต่าง ๆ อาการเหล่านี้ได้แก่
..........- Alogia พูดน้อย
..........- Affective flattening การแสดงออกทางด้านอารมณ์ลดลงมาก หน้าตาเฉยเมยไม่ค่อยสบตา
..........- Avolition ขาดความกระตือรือร้น เฉื่อยชาลง ไม่สนใจเรื่องการแต่งกาย ผู้ป่วยอาจนั่งอยู่เฉย ๆ ทั้งวันโดยไม่ทำอะไร
..........- Asociality เก็บตัว เฉย ๆ ไม่ค่อยแสดงออก หรือไม่มีกิจกรรมที่สนุกสนาน ในระยะอาการกำเริบ อาการสำคัญส่วนใหญ่จะเป็นอาการในกลุ่มอาการด้านบวก ส่วนกลุ่มอาการด้านลบนั้นมักพบในระยะหลังของโรค และไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษายาเหมือนกลุ่มอาการด้านบวก

ชนิดของโรคจิตเภท
1. Disorganized Type (Hebephenic) 
..........ผู้ป่วยจะมีอาการของความคิด และคำพูดไม่สอดคล้องกัน (incoherence) อารมณ์เฉยเมย ไม่สอดคล้องกับเหตุการณ์ ผู้ป่วยพวกนี้เริ่มมีอาการตั้งแต่อายุยังน้อย และเกิดขึ้นช้า ๆ ผู้ป่วยมักมีความผิดปกติทางบุคลิกภาพอย่างมากมาก่อน โรคจิตเภทชนิดนี้มักเป็นเรื้อรัง ไม่ค่อยหาย และเป็นภาระของสังคม

2. Catatonic Type 
..........ผู้ป่วยมีอาการสำคัญ คือ มีความผิดปกติที่พฤติกรรมการเคลื่อนไหว อาจเป็นได้ทั้งแบบเฉยทื่อ (stupor) หรือ ปฏิเสธต่อต้าน (negativism) หรือ ยืนกราน (rigidity) หรือตื่นเต้นวุ่นวาย (excitement)

3. Paranoid Type 
..........ผู้ป่วยจะมีอาการหวาดระแวง หลงผิด มีอาการโกรธง่าย ก้าวร้าว ชอบทะเลาะวิวาทกับผู้อื่น ผู้ป่วยประเภทนี้ การดำเนินชีวิตไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนัก อาการค่อนข้างคงที่ การพยากรณ์โรคมักจะดีกว่าโรคจิตเภทชนิดอื่น ๆ

4. Residual Type 
..........ผู้ป่วยโรคจิตเภทชนิดนี้ จะเคยเป็นโรคจิตเภทชนิดใดชนิดหนึ่งมาก่อนแล้วอาการดีขึ้น แต่ยังมีอาการบางอย่างหลงเหลืออยู่ เช่น ชอบนั่งแยกตัวอยู่คนเดียว สีหน้าเฉยเมย ขาดความคิดริเริ่ม มักคิดและพูดอะไรแปลก ๆ ไม่มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน มักกลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรัง

5. Undifferentiate Type 
..........ผู้ป่วยประเภทนี้มีอาการของโรคจิตเภทไม่ชัดเจน ไม่สามารถจัดเข้าประเภทอื่น ๆ ได้ มีอาการหลงผิด ประสาทหลอน ความคิดไม่ปะติดปะต่อกัน

การบำบัดรักษา
การบำบัดที่ได้ผลและมักนิยมใช้มีดังนี้
..........1. Psychotherapy Individual Group Behavioral Supportive Family Therapy อาจเลือกใช้ตามความเหมาะสม
..........2. Milieu Therapy เน้นที่การจัดสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสม ลดภาวะเครียด พัฒนาความสามารถในการปรับตัวรายบุคคล
..........3. Ghemotherapy การรักษาด้วยยา เช่น ยา Antiparkinson agents อาจต้องเตรียมไว้เพื่อลดอาการ extrapyramidal side effect ของ psychotropic drug
..........4. Somatic or Electroconvulsive Therapy ใช้ในราย Severe Schizophrenia หรือผู้ป่วยรายที่ใช้ยาไม่ได้ผล

การพยาบาล
เป้าหมายของการพยาบาล คือ
..........1. เสริมสร้างสัมพันธภาพและความไว้วางใจ
..........2. ลดความวิตกกังวล
..........3. รักษาสมดุลด้านชีววิทยา
..........4. ใช้ความคงเส้นคงวา และชัดเจนในการติดต่อสื่อสาร
..........5. ใช้หลักสัมพันธภาพเพื่อการบำบัด
..........6. นำผู้ป่วยเข้าสู่ความเป็นจริง โดยการจัดให้มีกิจกรรมบำบัดที่เหมาะสม
..........7. ระมัดระวังอันตรายที่จะเกิดกับผู้ป่วย และผู้ที่อยู่ข้างเคียง ในช่วงที่ผู้ป่วยมีอาการ

Anxiety Disorders
..........ความหมาย
..........ความวิตกกังวลเป็นสภาวะทางอารมณ์ของบุคคลที่มีความรู้สึกหวาดหวั่น หวาดกลัว อึดอัดไม่สบายใจ เกรงว่าจะมีสิ่งร้ายหรือเหตุการณ์ที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับตน
..........- ลักษณะของความวิตกกังวล ประกอบด้วย
..........- ความรู้สึกหงุดหงิดไม่สบายใจสภาพการณ์ที่ไม่แน่ใจ
..........- ความรู้สึกหวาดหวั่น หวั่นเกรงจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับตน
..........- สภาวะกระสับกระส่าย อึดอัดไม่สบายใจ
..........- ความรู้สึกตระหนก ตกใจ กลัวบางสิ่งบางอย่างที่บอกไม่ได้
..........- ความรู้สึกไม่มั่นใจในเหตุการณ์ล่วงหน้า
..........- ความรู้สึกเครียดที่ไม่สามารถบอกสาเหตุได้

กระบวนการเกิดความวิตกกังวล เกิดจาก
..........1. ความต้องการของบุคคลมีสิ่งขัดขวาง ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ
..........2. บุคคลเกิดอารมณ์ไม่สบายใจ ไม่แน่ใจ กระวนกระวายใจ ท้อแท้ไม่สามารถขจัดความไม่สบายต่าง ๆ ได้ด้วยตนเอง
..........3. มีภาวะอื่นตามมาเพื่อลดความวิตกกังวลและป้องกันตนเอง เช่น ภาวะโกรธ ก้าวร้าว ตำหนิผู้อื่น
..........4. พลังความวิตกกังวลถูกเปลี่ยนเป็นพลังอื่น

โรคในกลุ่ม Anxiety Disorders
..........1. Panic Disorders
..........2. Phobic Disorders
..........3. Generalize Anxiety disorders (GAD)
..........4. Obsessive Compulsive disorders
..........5. Post Traumatic disorders

กระบวนการพยาบาลในผู้ป่วย Anxiety
1. การประเมินสภาพปัญหาและความรุนแรง
..........1.1 Mild anxiety เป็นปกติในบุคคล ถ้าเกิดขึ้นเป็นสิ่งดี เพราะจะช่วยให้บุคคลแก้ปัญหา และทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้ดีขึ้น และกระตุ้นให้บุคคลตื่นตัวในการแก้ปัญหาการเจ็บป่วยหรือทำให้บุคคลพยายามทำงานอย่างใดอย่างหนึ่งให้สำเร็จ
..........1.2 Moderate anxiety บุคคลจะเกิดการรับรู้เรื่องต่าง ๆ แคบลง บุคคลจะสนใจเฉพาะปัญหาที่จะทำให้ตนเองสบายใจ พยายามควบคุมตนเองมากขึ้น
..........1.3 Severe anxiety บุคคลจะมีความวิตกกังวลสูงสภาพการรับรู้แคบลง สมาธิในการรับฟังปัญหาและข้อมูลต่าง ๆ ลดลง เพราะมีความคิดหมกมุ่นไม่สนใจสิ่งแวดล้อม
..........1.4 Panic Anxiety บุคคลมีความกังวลสูงสุด บุคคลจะอยู่ในภาวะตื่นตระหนก สับสนวุ่นวาย หวาดกลัวสุดขีด ควบคุมตัวเองไม่ได้ อาจมีอาการประสาทหลอน แบบขาขยับไมได้ เป็นลมหมดสติ

2. การวางแผนการพยาบาล
2.1 เป้าหมายระยะสั้น
..........- ลดความวิตกกังวลจนถึงปกติ
..........- สามารถปฏิบัติหน้าที่ประจำวันได้
2.2 เป้าหมายระยะยาว
..........- เน้นการถึงเหตุและผลของความวิตกกังวล
..........- รู้จักวิธีการลดความวิตกกังวล
..........- ลดความถี่การเกิดความวิตกกังวล
..........- ปรับบุคลิกภาพและใช้กลไกทางจิตที่เหมาะสม
..........- ขจัดความขัดแย้ง และบรรเทาประสบการณ์ที่เจ็บปวด
3. หลักการช่วยเหลือผู้ที่วิตกกังวล
..........3.1 แสดงการยอมรับ
..........3.2 อยู่เป็นเพื่อน
..........3.3 ให้ความมั่นใจว่าจะได้รับการช่วยเหลือ
..........3.4 จัดสภาพแวดล้อมให้สงบและลดสิ่งกระตุ้นวุ่นวาย
..........3.5 ดูแลความต้องการด้านร่างกาย อาหาร น้ำ ความสะอาด
..........3.6 ให้บุคคลได้ระบายความวิตกกังวล
..........3.7 ให้ได้รับยา
.........................................................

วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือ อุรเวชช์ 2000 - สมาคมอุรเวชช์ แห่งประเทศไทย

หนังสือ อุรเวชช์ 2000 - สมาคมอุรเวชช์ แห่งประเทศไทย

เพื่อส่งเสริมวิทยาการเกี่ยวกับโรคทรวงอกและสามัคคีธรรมระหว่างอุรแพทย์
คำนำ
.........การฝึกอบรมทางวิชาการของสมาคมอุรเวชช์ฯ ซึ่งเดิมจัดทำ 2 ปี นั้น บัดนี้ทางสมาคมฯ ได้พยายามจะจัดให้มีขึ้นทุกปี ทั้งนี้เพื่อจะให้การศึกษาต่อเนื่องทางระบบโรคทางเดินหายใจครอบคลุมแพทย์ทั่ว ๆ ไปได้เป็นจำนวนมากขึ้น การจัดทำหนังสือเป็นส่วนหนึ่งของการให้ความรู้ทางคณะกรรมการบริหารสมาคมอุรเวชช์ฯ จึงได้จัดทำหนังสือเล่มนี้ขึ้น โดยได้รับความร่วมมืออย่างดีจากแพทย์ที่เป็นวิทยากรของการฝึกอบรมครั้งนี้ช่วยกันเขียน เพื่อให้ความรู้โรคระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยและสำคัญ เช่น โรคติดเชื้อ โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง โรคหลอดเลือด และการอุดตันของหลอดเลือด pulmonary artery ซึ่งนับวันจะพบมากขึ้น และมีปัญหาเพิ่มขึ้น การดูแลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจที่ฉุกเฉินตลอดจนการใช้เครื่องช่วยหายใจ ซึ่งคือเน้นศาสตร์ที่แพทย์ทั่วไปควรมีความรู้ไว้ คณะผู้จัดทำหวังอย่างยิ่งว่า เนื้อหาสาระในหนังสือเล่มนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้ารับการฝึกอบรมและแพทย์ทั่วไป

สารบัญ
บทที่ 1 Update in Chest Radiology
บทที่ 2 การรักษาผู้ป่วยโรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังและถุงลมโป่งพอง (COPD)
บทที่ 3 การรักษาโรคถุงลมในปอดโป่งพองโดยการผ่าตัด
บทที่ 4 การรักษาวัณโรคในกรณีพิเศษ
บทที่ 5 แนวทางการรักษาผู้ป่วยโรคปอดบวม
บทที่ 6 โรคปอดบวมจากการติดเชื้อนอกโรงพยาบาล
บทที่ 7 Massive Hemoptysis
บทที่ 8 ภาวะฉุกเฉินทางระบบการหายใจ (respiratory emergency)
บทที่ 9 โรคหืด : แนวทางการรักษาในปัจจุบัน
บทที่ 10 การรักษาภาวะหอบรุนแรงเฉียบพลัน
บทที่ 11 การดูแลรักษาหืดขั้นรุนแรง (management of severe asthma)
บทที่ 12 การใช้เครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยหอบหืดกำเริบเฉียบพลันขั้นรุนแรง (ventilator management in acute severe asthma)
บทที่ 13 Noninvasive Mechanical Ventilation
บทที่ 14 โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea, OSA)
บทที่ 15 Pulmonary Thromboembolism
บทที่ 16 Bedside Lung Mechanics
บทที่ 17 Positive End-expiratory Pressure
บทที่ 18 การตั้งเครื่องช่วยหายใจในผู้ป่วยกลุ่มอาการหายใจลำบากเฉียบพลัน

หนังสือ อุรเวชช์ 2001 - สมาคมอุรเวชช์ แห่งประเทศไทย

หนังสือ อุรเวชช์ 2001 - สมาคมอุรเวชช์ แห่งประเทศไทย

เพื่อส่งเสริมวิทยาการเกี่ยวกับโรคทรวงอกและสามัคคีธรรมระหว่างอุรแพทย์
คำนำ
.........โรคของระบบหายใจเป็นโรคที่พบได้บ่อยมาก แพทย์ทั่วไปแม้จะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางอุรเวชช์ ก็จำต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาผู้ป่วยเหล่านี้เอง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

..........ในระยะหลัง ๆ นี้ ความรู้ความเข้าใจเรื่องโรคระบบหายใจได้มีการพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมากกว่าในสมัยก่อนมาก ได้มีการกำหนดมาตรฐานการรักษาโรคทางระบบหายใจต่าง ๆ ไว้หลายโรคด้วยกัน ข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายนี้ทำให้ยากต่อแพทย์ทั้งในและนอกสาขาวิชาที่จะติดตามได้ทัน

..........ทางสมาคมอุรเวชช์ฯ จึงได้จัดให้มีการอบรมฟื้นฟูวิชาการระยะสั้นขึ้นทุกปีโดยต่อเนื่อง เพื่อนำเสนอความรู้ใหม่ ๆ และทบทวนความรู้เก่าที่สำคัญทางอุรเวชช์ แก่แพทย์ทั่วไป โดยมีวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิทั้งจากภายใน และจากต่างประเทศ

..........ทางสมาคมฯ หวังว่าผู้เข้ารับการอบรมจะได้ประโยชน์อย่างมากจากการเข้ารับการอบรมนี้ โดยคาดว่าจะมีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องโรคทางระบบการหายใจที่สำคัญดีขึ้น และสามารถนำความรู้ที่ได้นี้ไปใช้ประโยชน์ได้จริง ทำให้ดูแลรักษาผู้ป่วยด้วยโรคระบบหายใจได้ดีขึ้น ได้ผลดี ปลอดภัยกว่าเดิม และสิ้นเปลืองน้อยลง
สารบัญ
บทที่ 1 ปอดอักเสบในผู้ป่วยภูมิต้านทานออมชอม (Pulmonary Infection in Compromised Host)
บทที่ 2 ปอดอักเสบที่เกิดในชุมชนที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ (Community-Acquired Pneumonia in Srinagarind Hospital)
บทที่ 3 ปอดอักเสบในประเทศไทย (Pneumonia in Thailand) การจำแนกชนิด ระบาดวิทยา และเชื้อก่อโรค
บทที่ 4 โรคปอดบวมที่เกิดในชุมชน
บทที่ 5 ปอดบวม
บทที่ 6 Pulmonary Function Testing and Its Clinical Application
บทที่ 7 Chronic Obstructive Pulmonary Disease
บทที่ 8 แนวทางในการรักษาโรคหอบหืดในปัจจุบัน
บทที่ 9 Interstitial Lung Disease : Principles & Update 2001
บทที่ 10 สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ DOTS
บทที่ 11 Multidrug Resistance Tuberculosis (MDR-TB)
บทที่ 12 การดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคในกรณีพิเศษ
บทที่ 13 Practical Management in Mechanical Ventilation and Update
บทที่ 14 New Treatment in Lung Cancer : Non-small Cell Lung Cancer
บทที่ 15 มลภาวะทางอากาศและระบบการหายใจ (Air Pollution and The Lung : From Molecular Biology to Therapy)

วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือ สาวบลอนด์หัวใจดี๊ด๊า Legally Blonde - กานต์ระวี พรหมธาดา แปล

หนังสือ สาวบลอนด์หัวใจดี๊ด๊า Legally Blonde - กานต์ระวี พรหมธาดา แปล
คำนำ
..........รูปลักษณ์บ่งบอกอะไรได้หลาย ๆ อย่าง แต่บางทีคนเราก็ตัดสินกันจากภายนอกโดยลืมที่จะพิจารณาถึงตัวตนที่แท้จริงไป... ซึ่งในกรณีของสาวงามอย่างแอล วูดส์นั้นก็ไม่ธรรมดา เมื่อความเจิดจ้าเพียบพร้อมกับผมบลอนด์สลวยกลับกลายเป็นสาเหตุที่ทำให้ถูกตราหน้าว่าเป็นสาวสวยไม่เอาไหน

..........ขณะที่คนอื่น ๆ ต่างพากันสบประมาทและตีค่าความฉลาดของเธอจากแค่สีผม จนชีวิตที่เคยป็อปปูลาร์ ต้องกลายมาเป็นตัวตลกให้ใครต่อใครเยาะเย้ย แต่การมองโลกในแง่ดีและสไตล์โดดเด่นไม่ซ้ำใครที่แอลยึดมั่นสุดจิตสุดใจก็ไม่เคยจืดจาง

.........ความมุ่งมั่นตั้งใจและเชื่อในความเป็นตัวของตัวเองของแอลใน "สาวบลอนด์หัวใจดี๊ด๊า" จะพิสูจน์ให้คุณ ๆ ได้เห็นว่า การเป็นคนที่แตกต่างไม่ได้หมายความว่าเรานั้นด้อยกว่าคนอื่น ๆ เสมอไป

..........และขอรับรองว่าเรื่องราวสนุกสนานชวนวุ่นวายที่แอลได้เจอตั้งแต่ในรั้วโรงเรียนกฎหมายไปจนถึงชั้นศาล จะทำให้คุณถูกอกถูกใจในความหลั่นล้าร่าเริงเกินใครของเธอ

หนังสือ ศิลปะการประดิษฐ์ของใช้จากเส้นลวด

หนังสือ ศิลปะการประดิษฐ์ของใช้จากเส้นลวด
คำนำ
.........งานประดิษฐ์ของใช้จากเส้นลวดนั้น เป็นงานประดิษฐ์ของยุคสมัยใหม่ เนื่องจากการนำเอาวัสดุที่มีในยุคปัจจุบันมาใช้ บวกกับแนวความคิดที่ล้ำสมัยมาผสมผสานกันอย่างลงตัว ทำให้ผลงานที่ได้มีความทันสมัย และเป็นที่นิยมของคนทั่วไป การนำเส้นลวดมาประดิษฐ์นั้นสามารถนำมาประดิษฐ์เป็นของใช้ได้ทุกรูปแบบตามใจชอบ ซึ่งนับว่าเป็นงานที่มีเสน่ห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นลวดอลูมิเนียมเป็นเส้นลวดอ่อน ซึ่งแม้แต่คนที่เริ่มหัดทำก็สามารถที่จะหัดทำได้โดยใช้คีมปากยาวเพียงอันเดียว

..........นอกจากนั้น เรายังสามารถกำหนดขนาดได้ตามใจชอบอีกด้วย เช่น หากเราอยากได้ตะกร้าแบน ๆ ที่สามารถใส่เข้าไปในลิ้นชักได้อย่างพอดี หรือชั้นสำหรับเรียงขวดเครื่องเทศสักชิ้น มันก็ไม่ยากที่เราจะลองทำมันขึ้นมาเอง และเนื่องจากความคลาสสิคของเส้นลวดนั้นสามารถกลมกลืนกับสิ่งต่าง ๆ ได้ง่าย ดังนั้นจึงสามารถนำไปตกแต่งมุมใดมุมหนึ่งภายในบ้านก็ได้

..........ในหนังสือเล่มนี้ เราได้รวบรวมแบบ วิธีทำ และเทคนิคในการทำงานประดิษฐ์ของใช้จากเส้นลวดอย่างง่าย ๆ ที่คนที่เพิ่งหัดทำก็สามารถจะเข้าใจได้ง่าย ๆ และยังสามารถนำรูปแบบต่าง ๆ ที่ได้แนะนำไปประยุกต์ใช้ในแบบที่ชอบได้อีกด้วย นอกจากนั้นยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างรายได้อย่างมหาศาลได้อีกเช่นกัน

หนังสือ จอมใจ...ทะเลทราย

หนังสือ จอมใจ...ทะเลทราย
..........เมื่อ "เลโอ" ซูเปอร์สตาร์หนุ่มผู้โด่งดังจากแดนไกล เดินทางมาแสดงคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย แล้วเหตุบังเอิญหรือผลของการอธิษฐานขอฝนดาวตก อันนี้ไม่ทราบแน่ ทำให้เขาเกิดอุบัติเหตุรักกับ "ปัทมินท์" สาวไทยธรรมดา ๆ คนหนึ่งเข้าอย่างจัง เหตุบังเอิญทำให้ "ปัทมินท์" กลายเป็นคู่หมั้นของ "เลโอ" โดยไม่สามารถปริปากปฏิเสธได้ ความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมาย ชีวิตเรียบง่ายของ "ปัทมินท์" เปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิด

..........เรื่องราวความวุ่นวายทั้งหมดที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวจะก่อให้เกิดเป็นความรักได้หรือไม่... จุดเริ่มต้นของทั้งคู่เกิดขึ้นที่เมืองไทย แต่ทำไมถึงไปจบลงที่นครเปตรา แล้วจุดจบของเรื่องจะสมหวังหรือไม่... ติดตามได้ใน "จอมใจ...ทะเลทราย"

หนังสือ ควิดดิชในยุคต่าง ๆ Quidditch Through The Ages

หนังสือ ควิดดิชในยุคต่าง ๆ Quidditch Through The Ages
คำนำ
..........ควิดดิชในยุคต่าง ๆ เป็นหนึ่งในหนังสือยอดนิยมหลาย ๆ เล่มของห้องสมุดโรงเรียนฮอกวอตส์ มาดามพินซ์ บรรณารักษ์ของเรา บอกผมว่า "หนังสือเล่มนี้ มีคนลูบคลำ ทำน้ำลายหยดใส่ และถูกทรมารทรกรรม" เป็นประจำเกือบทุกวัน ต้องถือว่าเป็นคำชมสูงส่งสำหรับหนังสือเล่มไหนก็ตาม คนที่เล่นหรือดูเกมควิดดิชอย่างสม่ำเสมอคงจะชื่นชมหนังสือของคุณวิสป์มาก รวมทั้งพวกเราที่สนใจประวัติศาสตร์ที่กว้างไกลของพ่อมดศาสตร์ด้วย เพราะในขณะที่เราพัฒนาเกมควิดดิช ควิดดิชเองก็พัฒนาพวกเราเหมือนกัน ควิดดิชนี้ชักนำพ่อมดแม่มดจากทุกสาขาอาชีพมารวมกัน ร่วมกันยินดีเบิกบานในช่วงเวลาแห่งชัยชนะ และ (สำหรับพวกที่สนับสนุนทีมชัดลีย์ แคนนอนส์) ร่วมกันหดหู่ใจในช่วงเวลาแห่งความหมดหวัง

.........ผมต้องสารภาพตรง ๆ ว่า ลำบากมากที่จะเกลี้ยกล่อมให้มาดามพินซ์ยอมพรากจากหนังสือเล่มใดเล่มหนึ่งของเธอ เพื่อว่าจะเอาไปพิมพ์ซ้ำเพื่อจะได้อ่านกันแพร่หลายกว้างขวางขึ้น อันที่จริงเมื่อผมบอกเธอว่าจะเอาไปพิมพ์เผยแพร่ให้ผู้อ่านมักเกิ้ล เธอก็เป็นใบ้ไปชั่วขณะ ไม่ขยับหรือกะพริบตาไปหลายนาทีทีเดียว เมื่อเธอได้สติ เธอก็มีสติพอที่จะถามผมว่าผมเสียสติไปหรือเปล่า ผมเต็มอกเต็มใจพูดให้เธอมั่นใจว่าผมไม่ได้เสียสติไปหรอก แล้วก็อธิบายต่อไปว่าทำไมผมถึงได้ตัดสินใจทำอะไรที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน

..........พวกผู้อ่านมักเกิ้ลคงไม่ต้องการคำแนะนำใด ๆ เกี่ยวกับงานของกองทุนคอมิกรีลีฟ ดังนั้นผมจะพูดซ้ำข้อความที่ผมอธิบายให้มาดามพินซ์ฟัง เพื่อแม่มดพ่อมดที่ซื้อหนังสือเล่มนี้จะได้เข้าใจไปด้วย คอมิกรีลีฟเป็นกองทุนที่ใช้เสียงหัวเราะต่อสู้กับความยากจน ความอยุติธรรม และภัยพิบัติต่าง ๆ การแสดงตลกหลากหลายทำรายได้จำนวนมหาศาลให้กองทุน (ได้เงินถึง 174 ล้านปอนด์ตั้งแต่กองทุนนี้ก่อตั้งมาเมื่อ ค.ศ.1985 ก็เป็นเงินราว ๆ กว่าสามสิบสี่ล้านเกลเลียน) เมื่อคุณซื้อหนังสือเล่มนี้ (และผมขอแนะนำให้คุณซื้อ เพราะถ้าคุณอ่านมาถึงหน้านี้แล้วไม่จ่ายเงินให้เรา คุณอาจพบว่าคุณตกเป็นเป้าของคำสาปหัวขโมย) คุณก็จะได้มีส่วนช่วยสนับสนุนกิจกรรมที่แสนวิเศษนี้ด้วย

..........ผมคงจะหลอกลวงผู้อ่านถ้าผมบอกว่าคำอธิบายนี้ทำให้มาดามพินซ์สบายใจที่จะมอบหนังสือของห้องสมุดให้พวกมักเกิ้ล เธอเสนอทางเลือกให้ผมหลายทาง เช่น ให้บอกคนที่กองทุนคอมิกรีลีฟว่าห้องสมุดถูกไฟไหม้วอดวายหมดแล้ว หรือง่ายหน่อยก็แกล้งทำเป็นว่าผมตายอย่างกะทันหันโดยที่ไม่ทันสั่งการอะไรไว้ เมื่อผมบอกเธอว่าผมพอใจแผนการแรกของผมมากกว่า เธอก็ยอมส่งมอบหนังสือให้อย่างไม่เต็มอกเต็มใจเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่ต้องปล่อยมือจากหนังสือ เธอก็เกิดประสาทเสียขึ้นมา ผมต้องใช้กำลังสุดแรงแกะนิ้วเธอออกจากสันหนังสือทีละนิ้ว ๆ เลยทีเดียว

..........แม้ว่าผมจะถอนคาถาธรรมดา ๆ สำหรับหนังสือในห้องสมุดที่ลงไว้ในหนังสือเล่มนี้ออกไปหมดแล้ว แต่ผมไม่อาจให้คำมั่นสัญญาได้ว่าจะไม่มีคาถาหลงเหลืออยู่เลย เป็นที่รู้กันดีว่ามาดามพินซ์มักจะใส่คำสาป "ไม่ธรรมดา" ในหนังสือที่เธอดูแลด้วย เมื่อปีกลาย ผมเองเผลอขีดเขียนอะไรเล่นในหนังสือเรื่อง ทฤษฎีการแปลงร่างผ่านวัตถุ ปรากฏว่าอึดใจต่อมาหนังสือก็ไล่ฟาดหัวผมอย่างดุเดือด ดังนั้นโปรดปฏิบัติต่อหนังสือเล่มนี้อย่างระมัดระวังด้วย อย่าฉีกหน้าไหนในหนังสือเล่มนี้ อย่าทำหนังสือตกลงไปในอ่างอาบน้ำ ผมไม่อาจสัญญาได้ว่ามาดามพินซ์จะไม่กระโจนเข้าใส่คุณ ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม และเรียกเอาค่าปรับแพง ๆ

..........สุดท้ายนี้ผมขอขอบคุณพวกคุณที่ช่วยสนับสนุนกองทุนคอมิกรีลีฟ และขอร้องพวกมักเกิ้ลไม่ให้ทดลองเล่นควิดดิชที่บ้าน (แน่นอนเพราะว่ามันเป็นกีฬาที่สมมติขึ้นมา ไม่มีใครเล่นจริง ๆ หรอก) และผมขอถือโอกาสนี้อวยพรให้ทีมพัดเดิลเมียร์ ยูไนเต็ดโชคดีตลอดการแข่งขันในฤดูหน้าด้วยครับ

วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือ A Bedside interpretation of Arterial Blood Gases - พงษ์ธารา วิจิตรเวชไพศาล

หนังสือ A Bedside interpretation of Arterial Blood Gases - พงษ์ธารา วิจิตรเวชไพศาล
คำนำ
..........หนังสือ A Bedside interpretation of Arterial Blood Gases เล่มนี้ ผู้เรียบเรียงตั้งใจให้เป็นคู่มือสำหรับแพทย์ พยาบาล ผู้สนใจที่มีเวลาน้อยสามารถนำไปใช้ปฏิบัติกับผู้ป่วยได้อย่างรวดเร็ว โดยพยายามลำดับเนื้อหาวิชาให้เป็นไปตามขั้นตอนอย่างง่าย ๆ สั้น ๆ พร้อมภาพประกอบ เพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถติดตามและมีความมั่นใจในการแปลผล พร้อมกับให้การรักษาผู้ป่วยในขั้นต้นได้ นอกจากนี้ยังได้ยกตัวอย่างการคำนวณประกอบคำบรรยายพร้อมเหตุผลอย่างละเอียด ซึ่งผู้เรียบเรียงเชื่อว่าการได้ฝึกฝนบ่อย ๆ จะทำให้ผู้อ่านสามารถิเคราะห์ผล blood gases ได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น

วันอาทิตย์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือ Test Your Creative Thinking คู่มือทดสอบความคิดสร้างสรรค์ - รัชนี เอนกพีระศักดิ์ แปล

หนังสือ Test Your Creative Thinking คู่มือทดสอบความคิดสร้างสรรค์ - รัชนี เอนกพีระศักดิ์ แปล
จากผู้แปล
.........คู่มือทดสอบความคิดสร้างสรรค์ เล่มนี้แต่งโดยลอยด์ คิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการคิดแนวข้าง ซึ่งมีประสบการณ์ในการออกแบบคำถามปริศนามามากกว่า 10 ปี อีกทั้งยังเป็นผู้มีส่วนร่วมในการแต่งหนังสือหลายต่อหลายเรื่อง จึงเชื่อได้ว่าแบบทดสอบเล่มนี้ได้รับการออกแบบจากผู้รู้ที่มีความเข้าใจเรื่องความคิดสร้างสรรค์ที่แท้จริง

..........หนังสือ คู่มือทดสอบความคิดสร้างสรรค์ นี้มีแบบทดสอบมากกว่า 200 ข้อ เพื่อท้าทายให้คุณลองฝึกทดสอบทักษะในด้านการคิดสร้างสรรค์ของคุณ การทำแบบทดสอบนี้ต้องอาศัยการมองปัญหาอย่างครอบคลุมออกไปจากกรอบความคิดเดิม ๆ ใช้การวิเคราะห์ ไม่ยึดโยงกับรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง แต่มีความยืดหยุ่น ลื่นไหลในทุกทิศทุกทาง และมองทุกอย่างว่าเป็นไปได้ เพื่อให้คุณได้มองเห็นคำตอบที่คุณอาจจะไม่เคยคิดมาก่อน และคุณจะพบว่าคุณเองก็สามารถทำข้อสอบลักษณะนี้ได้ ซึ่งนั่นแปลว่า คุณก็มีความสามารถในการคิดสร้างสรรค์เช่นกัน เพียงแต่วิธีการดำเนินชีวิต การเรียนการสอนอันเป็นแบบแผนที่เราร่ำเรียนมา รวมถึงวิธีการทำงานประจำวันทำให้เราไม่ได้ใช้ความสามารถด้านนี้มากนัก หรืออาจไม่ได้ใช้เลยก็ได้

.........แรงบันดาลใจที่ผู้แปลได้รับจากหนังสือเล่มนี้คือ คนเราล้วนมีทักษะการคิดสร้างสรรค์ด้วยกันทุกคน เพียงแต่เราไม่ได้ถูกกระตุ้นให้ใช้ แต่หากเราได้ใช้พรสวรรค์ในด้านนี้ ซึ่งเกิดจากการให้โอกาสจิตใต้สำนึกและการหยั่งรู้โดยสัญชาตญาณได้แสดงบทบาทในการคิด ประกอบกับการใช้วิธีคิดที่แตกต่างออกไปดังได้กล่าวแล้ว เราน่าจะสามารถมีแนวคิดใหม่ ๆ หรือทำอะไรใหม่ ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ต่อสังคมและโลกได้ ดังเช่นที่นักวิทยาศาสตร์ นักคิด ศิลปินทั้งหลายที่มีชื่อเสียงผู้ได้สร้างคุณูปการต่าง ๆ ให้โลกได้ทำเป็นตัวอย่างให้ประจักษ์แล้ว

..........ผู้แปลหวังเป็นอย่างยิ่งว่าแบบทดสอบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้และช่วยจุดประกายให้พวกเราได้ใช้พรสวรรค์ตามธรรมชาติของเรา เพื่อลองคิดด้วยวิธีใหม่ ๆ อันนำไปสู่การคิดเชิงสร้างสรรค์ซึ่งย่อมเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเอง และใครจะรู้ได้ว่าเราเองก็อาจเป็นผู้ที่สามารถสร้างประโยชน์ให้สังคมและอาจไปถึงระดับที่ใหญ่ขึ้นไปได้ด้วยสิ่งมหัศจรรย์ที่มีในตัวเรา

หนังสืออาหารเสริมสุขภาพเด็ก - อดุลย์ รัตนมั่นเกษม แปล

หนังสืออาหารเสริมสุขภาพเด็ก - อดุลย์ รัตนมั่นเกษม แปล
คำนำ
..........วัยเด็ก เป็นวัยที่มีความต้องการสารอาหารเพื่อการเจริญเติบโตของร่างกายจำนวนมาก เพราะในวัยนี้ร่างกายมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วมาก ดังนั้น พ่อแม่ควรดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิดเกี่ยวกับสุขภาพพลานามัยของเด็ก การให้อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างเพียงพอและครบถ้วนซึ่งผู้เป็นพ่อแม่ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจในเรื่องนี้เพื่อที่จะเลือกอาหารให้กับเด็กได้อย่างถูกต้องเป็นประโยชน์ เด็กจะได้มีสุขภาพร่างกายที่ดี มีสติปัญญาที่เฉลียวฉลาดสมดังตั้งใจ

..........นอกจากนี้ การให้อาหารที่มีคุณค่าจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้กับเด็กอีกด้วย เพราะในวัยเด็กจะมีภุมิต้านทานโรคต่ำ ทำให้เด็กเกิดการเจ็บป่วยได้โดยง่าย การดูแลเอาใจใส่ในเรื่องอาหารการกินเพื่อสุขภาพของเด็กจึงเป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้

..........หนังสือเล่มนี้ ได้เสนอแนะอาหารที่มีสรรพคุณบำรุงสุขภาพให้กับเด็กตามตำรับพื้นบ้านของจีน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นอาหารที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี จึงหวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการเสริมสร้างสุขภาพเด็กในความดูแลของท่านอยู่ไม่น้อย

วันเสาร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือการตรวจรักษาโรคตาเบื้องต้น - ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

หนังสือการตรวจรักษาโรคตาเบื้องต้น - ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
หนังสือการตรวจรักษาโรคตาเบื้องต้น - ธนารักษ์ สุวรรณประพิศ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
คำนำ
..........หนังสือ "การตรวจรักษาโรคตาเบื้องต้น" นี้ ผู้เขียนได้เรียบเรียงจากตำราหลาย ๆ เล่ม รวมทั้งได้แนวความคิดและความรู้ที่ได้เรียนมาจาก Institute of Ophthalmology University of London เพื่อใช้ประกอบการเรียนการสอนวิชาการประเมินสุขภาพและวิชาการรักษาพยาบาลโรคเบื้องต้น อีกทั้งใช้เป็นคู่มือสำหรับพยาบาล พยาบาลเวชปฏิบัติทางตา และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขทั่วไปที่สนใจ โดยมีเนื้อหาสาระกล่าวถึงปัญหาของคนตาบอด กายวิภาคและสรีรวิทยาเบื้องต้นของดวงตา การซักประวัติ การตรวจร่างกายเบื้องต้น การวินิจฉัยและการรักษาโรคตาที่พบบ่อยรวม 9 โรค การใช้ยาทางตารวมทั้งการให้การพยาบาลดวงตาทั่วไป

วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือ กล้าถาม กล้าตอบ ไขปริศนา 469 คำถามวิทยาศาสตร์คาใจ ชาร์ลส์ เจ. กาโช เขียน อุทัย วงศ์ไวศยวรรณ แปล

หนังสือ กล้าถาม กล้าตอบ ไขปริศนา 469 คำถามวิทยาศาสตร์คาใจ ชาร์ลส์ เจ. กาโช เขียน อุทัย วงศ์ไวศยวรรณ แปล
บทนำ
..........จุดประสงค์ของหนังสือเล่มนี้ มิใช่เพียงเพื่อความเพลิดเพลิน แต่ยังให้ข้อมูลความรู้แก่ผู้อ่าน เปรียบเสมือนการท่องเที่ยวไปในโลกกว้างของวิทยาศาสตร์ โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษกับคำถามที่ค้างคาใจปัจเจกผู้ใคร่รู้ (แต่ไม่รังเกียจแม้แต่นิดหากนักวิทยาศาสตร์ก็อยากซื้อหนังสือเล่มนี้)

.........คงไม่มีหนังสือเล่มใดในโลกที่กล้าคาดหวังจะสามารถถ่ายทอดทุกสาขาความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่มนุษยชาติได้สั่งสมไว้ แต่หนังสือเล่มนี้ก็ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างโขอยู่

..........หนังสือเล่มนี้แบ่งออกเป็น 5 ภาคใหญ่ ภาคที่หนึ่งพิจารณาเอกภพนอกระบบสุริยะ แล้วจึงมาถึงระบบสุริยะของเรา จากนั้นจึงมาสำรวจต้นกำเนิดและธรรมชาติวิสัยของดาราจักร กลุ่มดาวและดาวเคราะห์ รวมทั้งการวินิจฉัยข้อมูลใหม่ที่ได้จากยานสำรวจ

..........ภาคที่สองเป็นเรื่องของโลกเราเอง ซึ่งเป็นหัวข้อใหญ่ จึงมีการแบ่งหัวข้อย่อย ตรวจสอบวัสดุสารที่ประกอบเป็นโลกขึ้นมา เราจะค้นพบปฏิสัมพันธ์ของพลานุภาพที่ก่อกำเนิดแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด และการกัดกร่อนของผืนแผ่นดิน โดยสรุปเราจะแสดงให้เห็นเป็นประจักษ์ว่าโลกใบนี้ที่แท้คือห้องแล็บทดลองอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ ที่ซึ่งศาสตร์ทางฟิสิกส์ เคมี ธรณีวิทยา และชีววิทยา ผสมผสานกันอย่างเป็นพลวัต

..........ชีวิต ทั้งของพืชและสัตว์ เป็นหัวข้อของภาคที่สาม ซึ่งจะเล่าขานถึงต้นกำเนิดอันเร้นลับ การวิวัฒนาการ และความหลากหลายเผ่าพันธุ์ของชีวิต มีหัวข้อพิเศษกล่าวถึงวุขภาพและโภชนาการของมนุษย์เป็นการเฉพาะ

..........ภาคที่สี่เป็นการย้อนดูผลงานของนักมานุษยวิทยาและนักโบราณคดีที่ได้ตามสะกดรอยพัฒนาการมนุษย์ในระหว่างสองล้านปีที่ผ่านมา ทั้งก่อนมีอารยธรรมและในห้วงเสริมสร้างอารยธรรมโบราณ จวบจนยุคปัจจุบัน

..........สุดท้ายภาคที่ห้า เป็นการสำรวจโลกของความเร้นลับ เราจะวิเคราะห์เวทมนตร์ แม่มด จอมมาร ผี การทำนายดวงชะตา บ้านผีสิง และผีถ้วยแก้ว เราจะเปิดเผยหมดหน้าตักสิ่งที่เราไม่รู้และคาดหวังจะค้นพบความจริงสักวัน

..........รูปแบบคำถาม-คำตอบ ทำให้อ่านง่ายไม่ดูเป็นวิชาการจนเกินไป โดยหวังจะให้ตรงประเด็นและเข้าใจง่าย อีกทั้งพยายามหลีกเลี่ยงคำศัพท์ยาก ๆ ที่อาจทำให้สับสนแทนที่จะให้ความกระจ่างแก่ผู้อ่าน

วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือกระบวนการพยาบาล Nursing Process โครงการสวัสดิการวิชาการ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข สุระพรรณ พนมฤทธิ์ บรรณาธิการ

หนังสือกระบวนการพยาบาล Nursing Process โครงการสวัสดิการวิชาการ สถาบันพระบรมราชชนก กระทรวงสาธารณสุข สุระพรรณ พนมฤทธิ์ บรรณาธิการ
คำนำ
..........ปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า การปฏิบัติการพยาบาลจะได้มาตรฐาน และผู้รับบริการจะได้รับประโยชน์สูงสุด จำเป็นต้องนำกระบวนการพยาบาลมาเป็นเครื่องมือ ในการปฏิบัติการพยาบาล การควบคุมคุณภาพ และการตรวจคุณภาพการพยาบาล เพื่อนำไปสู่การประกันคุณภาพ สิ่งสำคัญคือการนำกระบวนการพยาบาลไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพนั้น จะต้องอาศัยพยาบาลที่มีความคิด วิจารณญาณ มีความรู้ คุณธรรม จริยธรรม และกฎหมายวิชาชีพ

..........ในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา พยาบาลได้ใช้กรอบแนวคิดทางการแพทย์ในการดูแลผู้ป่วย แต่ในระยะ 10 ปีหลัง ได้มีการพัฒนาของศาสตร์ทางการพยาบาลเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงมาใช้กรอบแนวคิดทางการพยาบาล การพัฒนาทฤษฎีทางการพยาบาลและกระบวนการพยาบาล ทั้งนี้การพัฒนาดังกล่าวเป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสังคม เศรษฐกิจ และแนวโน้มของวิชาการ โดยมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องคือ ความต้องการและความคาดหวังของสังคมต่อคุณภาพการดูแลสุขภาพ ความก้าวหน้าทางการรักษา และเทคโนโลยีต่าง ๆ เป็นแรงผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงระบบบริการต่าง ๆ ในระบบสุขภาพ

..........อย่างไรก็ตาม ยังมีความแตกต่างในการนำกระบวนการพยาบาลไปใช้อยู่มาก ทั้งในส่วนของสาระหรือเนื้อหาที่เป็นต้นแบบ และส่วนที่ได้มีการพัฒนาไปบ้างแล้ว สำหรับผู้ที่เริ่มศึกษายังคงมีความจำเป็นที่จะต้องเริ่มเรียนรู้กระบวนการพยาบาลจากจุดเริ่มต้น เพื่อให้เกิดความเข้าใจกระจ่างชัด ก่อนที่จะนำไปปฏิบัติต่อผู้รับบริการ

..........หนังสือ "กระบวนการพยาบาล" เล่มนี้ จึงมุ่งหวังให้ผู้ที่เริ่มศึกษาและพยาบาลวิชาชีพที่สนใจพัฒนาความรู้ ให้สามารถนำกระบวนการพยาบาลไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

วันพุธที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2560

หนังสือทฤษฎีแพทย์จีน ลิ้นบอกโรค-นพ.ภาสกิจ (วิทวัส) วัณนาวิบูล

หนังสือทฤษฎีแพทย์จีน ลิ้นบอกโรค-นพ.ภาสกิจ (วิทวัส) วัณนาวิบูล

จากผู้เขียน
..........ตำราเกี่ยวกับความรู้แพทย์แผนจีนในประเทศไทยมีอยู่จำนวนน้อย ในขณะที่กระแสความเรียกร้องต้องการมีมาก
..........ประชะชนมีความตื่นตัวที่อยากรู้การแพทย์ทางเลือกอื่น ๆ (นอกเหนือจากการแพทย์แผนปัจจุบัน) ซึ่งรวมถึงแพทย์แผนจีน แพทย์แผนปัจจุบันจำนวนไม่น้อยหันมาศึกษาการฝังเข็ม ศึกษาการแพทย์แผนจีนเพื่อเปิดทัศนะและแนวคิดในการดูแลสุขภาพ
.........การรักษาด้วยศาสตร์วิชาแพทย์แผนจีนให้ได้ผลดี ปัญหาพื้นฐานอยู่ที่ความสามารถของแพทย์ที่จะรวบรวมข้อมูลจากผู้ป่วยเพื่อการวินิจฉัยแยกโรคให้ถูกต้อง จึงจะสามารถกำหนดแผนการรักษา กำหนดตำรับยา ตัวยา หรือกำหนดจุดฝังเข็ม เพื่อการรักษาได้
..........การเสริมความรู้เพื่อการตรวจวินิจฉัยจึงเป็นสิ่งสำคัญในการยกระดับของการวินิจฉัยแยกโรค เพื่อการรักษาของแพทย์ แต่ที่สำคัญกว่านั้นยังสามารถนำมาบ่งบอกภาวะไม่สมดุลของร่างกาย (ในภาวะที่ดูเหมือนปกติที่ตรวจไม่พบความผิดปกติในความหมายทางแพทย์แผนปัจจุบัน) เพื่อการป้องกันส่งเสริมสุขภาพอีกด้วย
..........การดูลิ้นและการจับชีพจรเป็นศาสตร์ที่ลึกล้ำ และเป็นจุดเด่นของการวินิจฉัยโดยศาสตร์แพทย์จีน การดูลิ้น มองได้ชัดเจน เป็นรูปธรรมเข้าใจง่ายกว่าการจับชีพจร ซึ่งต้องผ่านการสัมผัส ถ่ายทอดเป็นความรู้สึกจากอาจารย์สู่ลูกศิษย์
..........ตำรา "ลิ้นบอกโรค" เล่มนี้ เป็นผลสืบเนื่องและเป็นการพัฒนาต่อเนื่องจากองค์ความรู้พื้นฐาน "ทฤษฎีแพทย์จีน" ที่คุณวิทิต วัณนาวิบูล (พี่ชาย) ได้เริ่มต้นเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งท่านได้เป็นผู้ถ่ายทอดการแพทย์แผนจีนแก่ผู้เขียน ตำราเล่มนี้จึงเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของท่าน ที่ต้องการให้การแพทย์แผนจีนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับคนไทย

การผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะ UROLOGIC SURGERY

หนังสือการผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะ UROLOGIC SURGERY

การผ่าตัดระบบทางเดินปัสสาวะ UROLOGIC SURGERY รศ.นพ.วีระสิงห์ เมืองมั่น ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพมหานคร

อารัมภบท
..........การผ่าตัดระบบปัสสาวะ หรือการผ่าตัดทางยูโรโลยี เป็นงานของศัลยแพทย์ได้กระทำมานานกว่า 4,000 ปี นับตั้งแต่หมอศรุตรา แห่งชมพูทวีปได้กระทำ และบันทึกไว้เป็นภาษาสันสกฤต โรคระบบปัสสาวะพบอยู่ทั่วไปในงานประจำวันของแพทย์ และงานผ่าตัดใหญ่ทั้งมวลจะขาดเสียไม่ได้ที่จะมีผ่าตัดระบบปัสสาวะมาเกี่ยวข้อง จากสถิติการผ่าตัดใหญ่ของภาควิชาศัลยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ในปี 2538 มีทั้งสิ้น 10,000 ราย เป็นการผ่าตัดทางยูโรโลยีประมาณหนึ่งในสี่ ดังนั้นศัลยแพทย์พึงฝึกฝนความชำนาญทางด้านนี้ เพื่อผ่าตัดให้ผู้ป่วยหายดีและปลอดภัย หนังสือเล่มนี้ได้รวบรวมการผ่าตัดที่ผู้เขียนคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อแพทย์ และศัลยแพทย์ ตลอดจนบุคลากรอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะได้สอดแทรกประสบการณ์ ความเห็น บทวิจารณ์ ในทุกแง่ทุกมุม เพื่อถ่ายทอดความรู้สู่วงการแพทย์ และหวังว่าคงจะให้ประโยชน์แก่ผู้ศึกษาปฏิบัติโดยทั่วถึงกัน

หนังสือเล่มนี้ตั้งใจ Scan เพื่อส่งต่อให้ผู้สนใจครับ