วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

วันพุธที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2558

วันอังคารที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2558

ลมพิษและอาการบวมจากภูมิแพ้

ลมพิษและอาการบวมจากภูมิแพ้
แม้ว่าลมพิษและอาการบวมที่เกิดจากภูมิแพ้จะรักษาเหมือน ๆ กัน
แต่อาการแสดงของทั้งสองอาการนี้แตกต่างกัน
ลมพิษจะมีอาการคันมาก หากเกาอาการจะลามไปมากขึ้น
ส่วนอาการบวมที่เกิดจากภูมิแพ้นั้นมักจะไม่มีอาการคัน
และอาการทั้งสองประการนี้อาจจะเกิดกับคนที่ไม่มีประวัติภูมิแพ้เลยก็เป็นได้

ลมพิษเกิดขึ้นได้ค่อนข้างบ่อย แม้ว่าจะมีสาเหตุจากภูมิแพ้
แต่ลมพิษก็เกิดขึ้นได้หากมีตัวแปรอื่นมากระตุ้น
ผื่นของลมพิษตรงกลางของผื่นนูนสีค่อนข้างซีด
ส่วนขอบรอบนั้นมีสีแดง ผื่นนี้เกิดขึ้นเฉพาะผิวตื้น ๆ เท่านั้น
ปฏิกิริยาทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากสารก่ออาการแพ้
ทำให้เส้นเลือดเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังขยายตัว น้ำในหลอดเลือดจึง
ซึมออกไปนอกเส้นเลือดทำให้บริเวณนั้นเกิดอาการบวมและแดง
ส่วนอาการคันนั้นเกิดจากฮีสตามีนที่ออกมาคั่งอยู่บริเวณนั้นมาก

ส่วนอาการบวมที่เกิดจากภูมิแพ้นั้นปฏิกิริยาเกิดขึ้นในชั้นผิวหนัง
ที่ลึกกว่าลมพิษ ส่วนมากอาการบวมมักจะเกิดขึ้นที่หน้า รอบริมฝีปาก
ลิ้น และบริเวณรอบตา บางครั้งมือเท้าก็บวมไปด้วย
อาการบวมเป่งมากกว่าอาการบวมของลมพิษ ถ้าอาการบวม
เกิดขึ้นในลำคอ เช่น การกลืนแอสไพรินแล้วแพ้ เป็นต้น
อาจจะทำให้ผู้ป่วยหายใจไม่ออกถึงตายได้

ลมพิษเป็นอาการที่ไม่รุนแรงนัก
กล่าวกันว่าคนเรา 20% เป็นลมพิษได้ครั้งหนึ่งในชีวิต
ลมพิษเกิดขึ้นกับคนอายุเท่าใดก็ได้
แต่ส่วนมากมักจะเริ่มเป็นกันเมื่อเข้าสู่วัยรุ่น จากสถิติพบว่า
-50% ของคนที่เป็นลมพิษจะมีอาการบวมจากการแพ้ร่วมด้วย
-40% เป็นลมพิษแต่เพียงอย่างเดียว
-10% มีอาการบวมจากภูมิแพ้แต่เพียงอย่างเดียว

ส่วนสาเหตุของการแพ้จะเกิดจากอะไรนั้นหากเพิ่งเริ่มเป็น
จะหาสาเหตุได้ง่ายกว่า ส่วนมากอาหารที่กินเข้าไปก่อนที่อาการจะเกิด
1-2 ชั่วโมงมักจะเป็นต้นเหตุ ถ้าหาสาเหตุพบแล้ววิธีป้องกัน
ไม่ให้เกิดอาการของลมพิษและอาการบวมได้ดีที่สุดก็คือ
ไม่กินอาหารชนิดที่แพ้เข้าไป แต่ถ้าไม่สามารถหาสาเหตุได้
ก็คงต้องกินยาต้านฮีสตามีนหรือยาประเภททีโอฟิลลีน
หรือบางครั้งอาจจะต้องใช้ยาทั้งสองตัวควบกันจึงจะได้ผล
คนที่เป็นลมพิษควรหลีกเลี่ยงการกินแอสไพริน และสารเคมี
ที่ใช้ผสมอาหารทุกอย่าง เช่น สี สารกันบูด และยีสต์ เป็นต้น

ถ้าอาการเกิดในเด็ก สาเหตุของการแพ้อาจจะเกิดจาก
นมวัว ไข่ อาหารทะเลประเภทปลา ปลาหมึก กุ้งและปู เป็นต้น

ลมพิษ
ที่จริงอาการของลมพิษไม่รุนแรง แต่เป็นอาการที่
สร้างความรำคาญให้กับผู้เป็น ผื่นของลมพิษขึ้นได้ทั่วทั้งตัว
บางครั้งก็ขึ้นเป็นตุ่มเล็ก ๆ กระจัดกระจาย แต่บางครั้งก็เกิดเป็นปื้น
เส้นผ่าศูนย์กลางหลาย ๆ เซนติเมตร

ผื่นของลมพิษเกิดขึ้นได้ในทันทีและหายไปเอง
มีน้อยที่ผื่นจะเป็นอยู่กระทั่ง 24-48 ชั่วโมง ถ้าลมพิษขึ้น
สักเดือนละ 1 ครั้ง ก็ถือว่าเป็นอาการอย่างเฉียบพลัน
แต่ถ้าเป็นแล้วเป็นอีกก็อาจจะถือว่าเป็นอาการที่เรื้อรัง

สาเหตุของลมพิษ
มีอาหารหลายชนิดที่ทำให้เกิดลมพิษ
เช่น หอย ปลา กุ้ง ปู ปลาหมึก ลูกนัต ถั่วลิสงและไข่ เป็นต้น
สารที่ใช้ใส่ลงไปในอาหารหลายชนิดก็เป็นสาเหตุของลมพิษได้
เช่น ทาร์ทราซีนและสีใส่อาหารชนิดเอโซ สารกันบูดชนิดเบนโซเอท
และซาลิซิเลท สารตัวหลังนี้ใช้เป็นส่วนผสมของของใช้จำเป็น
ในชีวิตประจำวันหลาย ๆ อย่างเช่น น้ำยาฆ่าเชื้อ ยาสีฟัน น้ำหอม
ไอศกรีม ขนมเค้ก ขนมหวาน เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม เยลลีและแยม เป็นต้น

สำหรับซาลิซิเลทเองที่พบได้ในธรรมชาติก็มี
เช่น ในผลไม้และพืชบางชนิด ตัวยาแอสไพรินเอง
ก็คือซาลิซิเลทชนิดหนึ่งที่มนุษย์เราสังเคราะห์ขึ้นมา

และมีรายงานว่าเด็กบางคนเกิดอาการหอบภายหลังจากกินถั่วลิสงด้วย
ซึ่งส่วนมากจะพบในเด็กเล็กต่ำกว่า 6 ปี

จากการสัมภาษณ์ผู้ป่วยที่เป็นลมพิษ 300 คน
รวบรวมสารอาหารที่ทำให้แพ้ได้ดังนี้
แพ้ไข่ 17 ราย
แพ้สตรอเบอร์รี่ 16 ราย
ส้ม 15 ราย
ปลา 15 ราย
ช็อกโกแลต 14 ราย
แพ้ถั่ว 13 ราย
มะเขือเทศ 12 ราย
นม 11 ราย
กุ้ง 9 ราย
ลูกนัต 9 ราย
แพ้เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 6 ราย
แพ้เนื้อหมู 5 ราย
แพ้แป้งสาลี 5 ราย

ยาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการของลมพิษได้เช่นเดียวกัน
ผู้ป่วยลมพิษหลายคนไม่ทราบมาก่อนว่ายาที่กินเข้าไป
มีแอสไพรินเป็นส่วนผสมอยู่ด้วย ดังนั้นก่อนที่จะซื้อยาแก้ปวดทุกครั้ง
ต้องถามเภสัชกรด้วยว่า ยาที่ซื้อไปนั้นมีตัวยาอะไรเป็นส่วนผสมอยู่บ้าง
นอกจากนี้ยาที่มักทำให้แพ้ก็คือ เพนิซิลลินที่อาจจะทำให้เกิดลมพิษ
หรืออาการบวมได้มาก ๆ นอกจากนี้ยังมี ยาแก้ไอบางตัว
ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาระงับประสาท ยาขับปัสสาวะ และกระสายยาบางตัว เช่น ควินิน

เชื้อราที่สูดเข้าไปทางจมูกก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดลมพิษค่อนข้างบ่อย
บางคนเกิดลมพิษภายหลังจากไปตัดหญ้ามา
แสดงว่าสูดเอาสปอร์หรือละอองของเชื้อราที่อยู่ตามหญ้าเข้าไป เป็นต้น

การสัมผัสถูกสารบางอย่างก็สามารถทำให้เกิดลมพิษได้
เช่น สัมผัสถูกน้ำลายของหมาในบ้าน
บางคนก็เป็นลมพิษเพราะไปนั่งเก้าอี้พลาสติกหรือเก้าอี้ที่ทำจาก
ไฟเบอร์สังเคราะห์ บางครั้งก็เป็นเพราะไปสัมผัสถูกสีย้อม

และแม้ว่าลมพิษจะเกิดขึ้นเพราะมีสารก่ออาการแพ้เป็นต้นเหตุ
แต่บางครั้งลมพิษก็เกิดขึ้นได้เนื่องจากเงื่อนไขอื่น ๆ เช่น อาการหวัด
อาการติดเชื้อที่ทำให้เกิดอาการไข้ร่วมด้วยเมื่อร้อน ถูกกด
หรือถูกแสงสว่าง บางคนก็เกิดเพราะถูกอากาศเย็น
เช่น ไปว่ายน้ำในสระที่น้ำค่อนข้างเย็น ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตราย
เนื่องจากไม่สามารถช่วยตัวเองในน้ำได้ดีพอและเสี่ยงต่อการจมน้ำตาย
แต่บางคนก็เกิดลมพิษหลังจากการอาบน้ำอุ่น

ลมพิษที่เกิดจากการออกกำลังกาย
ลมพิษที่เกิดจากการออกกำลังกายเป็นลมพิษที่เพิ่งค้นพบกันเมื่อเร็ว ๆ นี้เอง
ลมพิษชนิดนี้มักเกิดภายหลังจากการออกกำลังกายอย่างหนัก
เช่น การวิ่ง ครั้งแรกอาจจะเป็นลมพิษก่อนแล้วกลายเป็นอาการบวม
ผู้ใดที่มักเป็นลมพิษในวันที่อากาศร้อนให้ระวังเอาไว้ว่า
อาจจะเป็นลมพิษได้หากต้องออกกำลังกายนาน ๆ
การที่ต้องระวังตัวเพราะบางครั้งอาการที่เป็นอาจจะรุนแรง
ถึงกับเป็นอนาฟัยแลกติกช็อคได้

อาการบวมที่เกิดจากภูมิแพ้
ปฏิกิริยาของภูมิแพ้แบบนี้เกิดขึ้นในชั้นใต้ผิวหนังที่ลึก
จึงไม่เกิดอาการคัน แต่จะให้ความรู้สึกที่ตึง และเจ็บแบบแสบ ๆ
อาการบวมของภูมิแพ้จะบวมมากกว่าลมพิษหลายเท่า
บางครั้งถ้าเป็นที่หน้า หน้าจะบวมจนผิดรูปไป
หนังตาอาจจะบวมจนตาปิด ริมฝีปากอาจจะหนาจนยื่น
และถ้าเกิดอาการบวมที่แขนขา แขนขาจะใหญ่ขึ้นเป่งตึงจนงอไม่ได้

หากอาการบวมลามไปถึงลำคอจะทำให้เกิดอันตรายรุนแรง
ถึงตายได้จากการหายใจไม่ออก
ในกรณีที่เกิดอาการอึดอัดร่วมด้วย จึงไม่ควรรีรอที่จะนำผู้ป่วย
ส่งหมอโดยเร็ว อาการดังกล่าวนี้จะสนองต่อการรักษาด้วยยา
ต้านฮีสตามีนได้เป็นอย่างดี หรือถ้าอาการรุนแรงมากหมออาจจะ
ต้องฉีดอะดรีนาลิน หากผู้ป่วยคนใดเคยมีอาการบวมในลำคอแบบที่กล่าวมา
ควรจะสวมสร้อย หรือมีบัตรติดตัวแจ้งอาการดังกล่าวไว้
เผื่อว่าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นหมอผู้ทำการรักษาจะได้รู้
และจัดการรักษาได้ทันท่วงที ในผู้ป่วยบางรายหมอประจำตัวอาจจะ
แนะนำให้พกอะดรีนาลินชนิดฉีดติดตัว
เพื่อจะได้ช่วยเหลือตัวเองได้ทัน หากอาการบวมเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน

อาการบวมจากภูมิแพ้ยังต่างจากลมพิษ
เพราะสารที่สูดเข้าไปมักจะไม่เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้
ดังนั้นการทดสอบทางผิวหนังในกรณีที่มีอาการบวมเพราะแพ้
จึงไม่ให้ประโยชน์แต่อย่างใด
และนอกจากนี้ยายังเป็นสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อยว่าทำให้เกิดอาการบวมได้

วันศุกร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2558